Index Living Mall กางแผนกลยุทธ์ 3P Performance – People – Planet ขยายสาขาและเพิ่มการขายออนไลน์ พัฒนาบุคลากร ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และทำธุรกิจอย่างยั่งยืน
ผลประกอบการในปี 2023
กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการของบริษัทในปี 2023 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 9,416 ล้านบาท เติบโต 4.5% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรอยู่ที่ 726 ล้านบาท เติบโต 10.2% จากปีก่อน นับว่ารายได้และกำไรสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท แซงหน้าช่วงก่อนโควิด-19
ยอดขายทั้งหมดในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 8,617 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4.4% จากปี 2022 โดยแบ่งเป็นยอดขายจาก
- ธุรกิจค้าปลีก คิดเป็น 79.2% จากยอดขายทั้งหมด อยู่ที่ 6,827 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9.6%
- ยอดขายออนไลน์ คิดเป็น 12.3% จากยอดขายทั้งหมด อยู่ที่ 1,056 ล้านบาท เติบโตขึ้น 16.9%
- ยอดขายอื่น ๆ คิดเป็น 8.5% จากยอดขายทั้งหมด
นอกจากธุรกิจค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านแล้ว ยังมีรายได้จากธุรกิจพื้นที่เช่าอยู่ที่ 692 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8.4% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ Little Walk หรือ Convenience Shopping Mall ที่เปิด 2 สาขาใหม่ คือ กรุงเทพ-กรีฑา เมื่อปีที่แล้ว และสาขาลาดกระบังเมื่อปี 2022
Index Living Mall ตั้งเป้าว่าในปีนี้ ธุรกิจจะมีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักหรือกว่า 10% และจะเติบโตเป็นเลขสองหลักไปอีกหลายปี
Key Success ในปีที่ผ่านมา
เอกลักษณ์ ปัทมสัตยาสนธิ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า หลังจากช่วงโควิดเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทำให้ Index Living Mall ปรับตัวผ่านการดำเนินธุรกิจด้วยหลักการ 5 ข้อ คือ
- Speed to Market ใช้กลยุทธ์ความรวดเร็วเมื่อเห็นโอกาสในตลาดใหม่ เช่น ตลาด Customized Furniture หรือเฟอร์นิเจอร์สั่งตัด ที่ริเริ่มขึ้นมาภายใน 6 เดือน
- Automation การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนากระบวนการผลิต เนื่องจากรัฐบาลมีการเพิ่มค่าแรงในทุกปีและธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยแรงงานเป็นหลัก จึงนำเทคโนโลยีและเครื่องจักรมาใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้ลดแรงงานได้มากและทำกำไรได้ดี
- Space Optimization การปรับพื้นที่ในบางสาขา จากเดิมบางสาขามีขนาดใหญ่มาก ทำให้มีการลดพื้นที่ขายและเพิ่มพื้นที่เช่าทำให้ผลตอบแทนมากขึ้น เช่น สาขาบางนาที่มีพื้นที่ขายกว่า 20,000 ตารางเมตร แบ่งมาเป็นพื้นที่ให้เช่าราว 3,000 ตารางเมตร ทำให้คึกคักมากในพื้นที่นั้นขณะที่ยอดขายก็ไม่ได้ลดลง
- Data Driven ตัดสินด้วยข้อมูลเป็นหลัก นำข้อมูลมาใช้ประโยชน์เพื่อสร้างยอดขายออนไลน์ โฆษณาให้ตรงกลุ่ม หรือคำนวณการลดพื้นที่ขายลง
- Customer Centric มองลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง ทำให้เกิดสินค้าหลายชนิดที่มาจากการทำผลสำรวจความต้องการลูกค้า
แผนยุทศาสตร์ 3P – Performance, People, Planet
สำหรับแผนการดำเนินงานภายใน 3 ปีต่อจากนี้ Index Living Mall จะยึดตามแนวคิด Triple Bottom Line ด้วยการพัฒนาแบบ 3P คือ Performance – People – Planet
Performance
ด้าน Performance มุ่งดำเนินธุรกิจให้เกิดผล โดยคาดว่าจะเปิด Index Living Mall สาขาใหม่ 1-2 สาขาต่อปี ในปีนี้จะเปิด Little Walk สาขารัตนาธิเบศร์ ในช่วงไตรมาส 4 โดยใช้งบประมาณ 550 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ที่มีทั้งพื้นที่ขายและพื้นที่ให้เช่า พร้อมกับการรีโนเวทสาขาเดิมด้วยดีไซน์ใหม่ 1-2 สาขา ในปีนี้จะเป็นสาขาเชียงใหม่และอุดรธานี
นอกจากนี้ จะมีการสร้างสาขาใหม่เป็น New Store Model ที่สาขาสระบุรี เป็นอาคารต้นแบบประหยัดพลังงานรายแรกของธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย โดยจะใช้งบประมาณกว่า 170 ล้านบาท คาดเปิดบริการในไตรมาส 1 ของปี 2025
บริษัทยังต้องการเพิ่มกลุ่มลูกค้าในตลาดพรีเมี่ยมด้วยหลังจากเป็นผู้ในตลาดกลางมานาน โดยได้วางแผนเปิด DecorScape ห้างสรรพสินค้าพรีเมี่ยมใจกลางทองหล่อ ด้วยงบประมาณ 150 ล้านบาทเพื่อเป็น Lifestyle Mall ดีไซน์แบบ Modern Luxury
นอกจากสาขาในประเทศแล้ว จะขยายสาขาในต่างประเทศด้วย ในปัจจุบัน Index Living Mall มี 12 สาขาใน 6 ประเทศ คือ เวียดนาม 2, เมียนมาร์ 4, ลาว 1, กัมพูชา 2, เนปาล 2, มัลดีฟส์ 1 สาขา ในปีนี้ เตรียมขยายเพิ่มอีก 4 สาขา คือ เวียดนาม 2 สาขา เมียนมาร์ 1 สาขา และเตรียมบุกตลาดอินเดียที่เศรษฐกิจเติบโตดีอีก 1 สาขา พร้อมวางแผนเปิดบริการในไตรมาส 3 ปีนี้ รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการเจรจาเปิดสาขาในภูมิภาคตะวันออกกลางอีก 2 สาขา
ส่วนยอดขายทางออนไลน์ บริษัทมุ่งขยายพื้นที่ออนไลน์ให้เติบโต 20% โดยในปีที่ผ่านมา มีการเพิ่มการขายผ่าน TikTok Shop ที่กำลังเป็นเทรนด์ ทำให้มีการขายผ่านทุกแพลตฟอร์มทั้งเว็บไซต์ LINE@ Lazada Shopee Facebook Instagram และ TikTok โดยมีทีมงานเฉพาะสำหรับ LIVE Streaming ขายสินค้าทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้มากขึ้น
Index Living Mall ยังต้องการขยายเข้าหาลูกค้าคนรุ่นใหม่มากขึ้นเพื่อให้เติบโตไปกับแบรนด์ ผ่านการพัฒนาเรื่องการออกแบบตามเทรนด์การแต่งบ้าน สร้างประสบการณ์ดิจิทัลให้กลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชัน Index Mobile App ในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้
นอกจากการเจาะกลุ่มตลาดพรีเมี่ยมผ่านการเปิด DecorScape แล้ว บริษัทยังมองเห็นโอกาสการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดของชนชั้นล่างที่เป็นตลาดใหญ่ที่สุด โดยจะเจาะกลุ่มนี้จากแบรนด์ที่มีอยู่แล้วอย่าง furinbox ที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ราคาย่อมเยา เจาะกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้มีกำลังซื้อมาก ปัจจุบัน furinbox มีขายในหน้าร้าน Index Living Mall 22 สาขาทั่วประเทศแล้วแต่จะมุ่งเน้นมากขึ้น คาดหวังทำให้บริษัทแข็งแกร่ง เพราะปัจจุบันแม้ยอดขายจะยังไม่ถึง 100 ล้านบาท แต่เติบโตเกิน 100% ในปีที่ผ่านมา
People
หลักการนี้มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ของลูกค้าด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย อย่างการใช้ AI เพื่อส่งเสริมการขาย มองว่า Generative AI จะมาช่วยในเรื่องการออกแบบ Interior Design ให้ลูกค้ามองเห็นภาพการนำเฟอร์นิเจอร์ไปตกแต่งบ้านได้เสมือนจริงและมีต้นทุนราคาถูก
นอกจากนี้ จะมีการพัฒนา Designer Program ออกแบบห้อง สามารถนำรูปเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวไปใส่ในห้องเพื่อสร้างภาพเหมือนจริงได้ให้ลูกค้าเห็นได้ง่ายขึ้นได้
ในด้าน People ยังรวมถึงการใช้แผนยกระดับบุคลากรในบริษัทผ่านโครงการ Employee Wellbeing and Diversity มีโปรแกรม Leadership เพื่อพัฒนาผู้บริหารรุ่นใหม่เป็นระยะเวลา 1 ปี มีแผนรับพนักงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ เช่น Store Manager เพราะสามารถเข้าใจคนรุ่นเดียวกันได้ดีกว่า
Planet
ในปี 2024 จะเป็นปีแรก Index Living Mall ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้าว่าจะเป็นธุรกิจ Carbon Neutral ในปี 2050 และจะเป็น Net Zero ในปี 2065
ในปีนี้ จะเริ่มเปิดสาขา ECO Store เป็นครั้งแรกที่จังหวัดสระบุรี ตั้งเป้าเป็น Zero Energy Building โดยมีแนวคิดการสร้างพื้นที่ขายให้เหมือนเป็นตู้เย็นกักเก็บพลังงาน ทำให้พลังงานจากการปรับอากาศหายไปน้อยที่สุดและทำให้ความร้อนจากภายนอกเข้ามาน้อยที่สุด นอกจากนี้ ภายในร้านจะทำให้ค่าฝุ่น PM2.5 ใกล้เคียงระดับ 0 เพื่อเป็นแหล่งที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าอากาศปลอดภัย
สำหรับด้านการขนส่งเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ปัจจุบัน ได้ทดลองใช้รถขนส่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 8 คัน พบว่าช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ราว 880 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ และในอนาคตมีแผนการจะขยายให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% รวมทั้งมีการติดตั้ง Solar Rooftop อย่างต่อเนื่องและเข้าร่วมโครงการปลูกป่าร่วมกับ SET
กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม ยังรวมถึงการผลักดัน ECO PRODUCT ให้มีสัดส่วน 20% จากในปัจจุบันอยู่ที่ 10% โดยมีสินค้าหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มสินค้า Recycled materials ที่มาจากการใช้วัสดุรีไซเคิล เช่น การสร้างเฟอร์นิเจอร์จากไม้สักเก่า กลุ่ม Energy Saving ที่เป็นสินค้าประหยัดพลังงานไฟฟ้าและพลังงานน้ำ เช่น หมอนเย็น ผ้าห่มเย็น ผ้าม่านกันแสงที่ไม่อมฝุ่น ไม่ต้องซักบ่อย กลุ่มสินค้า Biodegradable ย่อยสลายตามธรรมชาติ เช่น วัสดุจากฟางข้าวสาลี
ทางด้านสังคม มีการกระจายรายได้สู่ชุมชนผ่านการพัฒนาสินค้าร่วมกับชุมชน เช่น การใช้ผ้ามัดย้อมจากความร่วมมือกับ ชุมชนบ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช
ที่มา – Index Living Mall
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา