TIDLOR ชี้ปี 2566 ทำกำไรสุทธิ 3,790 ล้านบาท สร้างสถิติใหม่ จากรายได้รวมที่ 18,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2% โดยมี NPL ในระดับต่ำที่ 1.45% ตั้งเป้าปี 67 เดิบโต 10-20% จาก 2 ธุรกิจหลักทั้งสินเชื่อ-นายหน้าประกันวินาศภัย
ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ที่ผ่านมา การลงทุนในธุรกิจนายหน้าประกัน และด้านเทคโนโลยีส่งผลให้ธุรกิจสินเชื่อและธุรกิจนายหน้าประกันเติบโตขึ้น
ในปี 2566 TIDLOR มีรายได้รวม 18,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 3,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1%YoY มีค่าใช้จ่ายรวม 14,228.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากค่าใช้ในการขายและบริหารที่อยู่ราว 9,400 ล้านบาท ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.6%YoY (คิดเป็น 49.6% ของรายได้รวม) ตามฐานลูกค้าและธุรกิจที่ขยายตัว ซึ่งอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ (Cost-toincome Ratio) อยู่ที่ 54.9% ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้าที่ 56.4%
ที่มา บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)
ด้านธุรกิจสินเชื่อ มียอดสินเชื่อคงค้าง 97,456 ล้านบาท ขยายตัว 19.9%YoY แบ่งเป็น
1) เงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับ จำนวน 87,237.8 ล้านบาท
2) ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ จำนวน 10,218.7 ล้านบาท
ด้านค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอยู่ที่ 3,981.4 ล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) อยู่ที่ 1.45% ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 1.58%
ด้านธุรกิจนายหน้าประกัน มียอดเบี้ยประกันวินาศภัยรวมสำหรับปี 2566 รวม 8,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.3%YoY) เติบโตจากทั้งช่องทางสาขา และแพลตฟอร์มอารีเกเตอร์ (Areegator) รวมถึงโบรกเกอร์ประกันออนไลน์ (heygoody)
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจมาจากกลยุทธ์การลงทุนและพัฒนาด้านเทคโนโลยี สะท้อนจาก “บัตรติดล้อ” (Tidlor Card) และ แอปพลิเคชันเงินติดล้อ ที่ปริมาณการใช้งานยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2566 ได้มีการส่งมอบบัตรติดล้อแล้วกว่า 644,000 ใบ มีจำนวนผู้ใช้บัตรเพิ่มขึ้น 29.6%YoY รวมถึงบริการ “โอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชี” ผ่านแอปพลิเคชันเงินติดล้อ ที่เปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2566 ปัจุจบันมีช่องทางสาขารวม 1,678 สาขา และช่องทางออนไลน์ รวมถึงพนักงานขายทางโทรศัพท์อีกด้วย
ทั้งนี้ เป้าหมายการดำเนินงานในปี 2567 นี้ TIDLOR ตั้งเป้าการเติบโตที่ระดับ 10-20% ทั้งธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันวินาศภัย โดยมองว่า เศรษฐกิจไทยคาดการณ์ว่าจะค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้น จากแรงขับเคลื่อนหลักอย่างภาคการท่องเที่ยว และภาคการส่งออก แต่ยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ฯลฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน
ณ 31 ธ.ค. 2566 สินทรัพย์รวมของบริษัท อยู่ที่ 100,147.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.2%YoY ได้แก่ เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรวม 97,456.5 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 97.3% ของ สินทรัพย์รวม ส่วนหนี้สินรวมอยู่ที่ 71,724.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9% YoY โดยเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินและหุ้นกู้มีอยู่ที่ 68,214.0 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 95.1% ของ หนี้สินรวม
ที่มา บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา