ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 41,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.1% จากปีก่อน เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 28.0% โดยรายได้เพิ่มขึ้นตามภาวะอัตราดอกเบี้ยสุทธิกับต้นทุนเงินรับฝากที่ทยอยเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก รวมถึงการปรับอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าสู่ระดับเดิมตั้งแต่ต้นปี 2566 ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 3.02%
ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง 1% จากธุรกิจหลักทรัพย์ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ลดลง ขณะที่ค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวม และธุรกิจบัตรเครดิตปรับตัวดีขึ้น
ด้านค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 18.5% ตามการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และส่วนหนึ่งจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงอยู่ที่ 48.8% ทั้งนี้จากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 4 ปี 2566 ธนาคารจึงตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 18.1% จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2566 มีจำนวน 33,666 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน
ในระยะข้างหน้ามองว่าเศรษฐกิจไทย ยังคงเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น ประเทศเศรษฐกิจหลักเติบโตชะลอลง, ผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ คงดอกเบี้ยไว้ในระดับที่สูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ, การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่อาจกระทบต่อการส่งออกและภาคการผลิตของไทย ไปจนถึงปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ดังนั้น ธนาคารกรุงเทพยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ผลประกอบการของธนาคารฯ ปี 2566 มีจุดสำคัญดังนี้
- กำไรสุทธิอยู่ที่ 41,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.1 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 130,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
(ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ: NIM อยู่ที่ 3.02% ) - รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 36,627 ล้านบาท ลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ อยู่ที่ 81,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ 85,955 ล้านบาท ลดลง 9.4% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) อยู่ที่ 2.7% ลดลงจาก ณ สิ้นเดือน ก.ย. ที่อยู่ระดับ 3.0%
ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2566 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2.67 ล้านล้านบาทใกล้เคียงกับสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ที่ 314.7%
ทั้งนี้ ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2566 จำนวน 3.18 ล้านล้านบาทลดลงเล็กน้อยจากสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 83.9% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นอยู่ที่ 19.6% อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.1% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 15.4% ซึ่งอยู่สูงกว่าขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ที่มา ธนาคารกรุงเทพ, SET
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา