หลังศึกษา และชิมลางสินค้า และบริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาระยะหนึ่ง ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank จะเข้ามาบุกตลาดกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลเสียที ผ่านการเปิดตัว orbix กระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ธนาคารได้ส่งบริษัทลูกไปซื้อหุ้นใหญ่ในกิจการ Satang Pro เมื่อต้นเดือน ธ.ค. 2023
เมื่อ KBank ลงมาเล่นตลาดนี้เอง การมาถึงของ orbix คงไม่ได้มาแค่เล่น ๆ เพราะนำประสบการณ์จาก Satang Pro กระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลรายแรก ๆ ของไทย ผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการเงินของธนาคาร เพื่อพัฒนาให้ orbix ใช้งานง่าย, ปลอดภัย และยังมาพร้อมกับเครื่องมือต่าง ๆ ในการช่วยเหลือการลงทุน
วันนี้ Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ ชาญวิทย์ รุ่งเรืองลดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด ผู้ให้บริการ orbix และบริษัทในเครือ บริษัท ยูนิต้า แคปิทัล จำกัด หรือบริษัทลูกในเครือธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย เพื่อทราบถึงกลยุทธ์ในการให้บริการ และเป้าหมายของ orbix ในอนาคตดังนี้
orbix ที่มาพร้อมการกำกับกิจการเข้มข้น
ชาญวิทย์ รุ่งเรืองลดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด ผู้ให้บริการ orbix เล่าให้ฟังว่า orbix เตรียมวางตัวเป็นกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่สร้างความมั่นใจ และน่าเชื่อถือให้กับตลาด ผ่านการใช้งานที่ง่าย และปลอดภัย เพราะมีการกำกับดูแล และบริหารความเสี่ยงที่ดี
“บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด ภายใต้บริษัท ยูนิต้า แคปิทัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกในกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย มีธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้กำกับกิจการ จึงมั่นใจได้ว่า เรามีการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส และมี Global Standard เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการ เช่น ความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ISO 27001:2013 และ ISO 27701:2019”
ขณะเดียวกัน orbix มีการคัดเลือกเหรียญเข้ามาในกระดานอย่างมีคุณภาพ และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงมีการใช้งานที่ง่าย และปลอดภัย ที่สำคัญยังเตรียมเชื่อมต่อกับบริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ของธนาคาร เช่น การเป็นแพลตฟอร์มในการระดมทุนรูปแบบ ICO เพื่อสร้าง Seamless Connectivity กับพาร์ตเนอร์อื่น ๆ
ง่าย ปลอดภัย และฉลาด คือจุดเด่นของ orbix
หากเจาะไปที่จุดเด่นของ orbix ในฐานะกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลจะพบว่า ความปลอดภัยคือเรื่องแรกที่ orbix ให้ความสำคัญ และพัฒนาฟีเจอร์มาตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภค เช่น Wallet Lock หรือการใช้ Face Scan ในการถอนเหรียญ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขึ้นอีกขั้น
ต่อมาคือเรื่อง Smart หรือเครื่องมือในการแจ้งเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของราคา (Price Alert) กับ orbix Balance ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานรับรู้ช่วงกำไรขาดทุนของทุกเหรียญที่เก็บไว้ ช่วยสร้างความสะดวกในการลงทุน รวมถึงการวิเคราะห์กลยุทธ์เช่นกัน
“orbix นั้นง่าย ปลอดภัย และมีฟีเจอร์เก่ง ๆ เพื่อช่วยผู้บริโภคลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลผ่าน orbix ทางบริษัทจึงเปิดให้ผู้ใช้สมัครใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน K Plus รวมถึงยืนยันตัวตนผ่านระบบ NDID ได้”
โอกาสในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลยังมีอยู่
ชาญวิทย์ เสริมว่า ปัจจุบันภาพรวมสินทรัพย์ดิจิทัลยังมีแนวโน้มเติบโต เพียงแต่ไม่เติบโตหวือหวาเหมือนในอดีต ผ่านการที่หลายประเทศมีการวางกรอบ และกฎกติกาที่ชัดเจนมากขึ้น การเติบโตหลังจากนี้จึงเติบโตตามความต้องการใช้จริง หรือ Real Usecase
“หลังจากนี้เราจะเริ่มเห็นสิ่งใหม่ ๆ เกี่ยวกับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล ยิ่งปี 2024 จะมีเหตุการณ์ Bitcoin Halving ยิ่งสร้างโอกาสการเติบโตให้ตลาดมากขึ้นอีก โดยหากอ้างอิงข้อมูลจาก ก.ล.ต. ของประเทศไทยจะพบว่ามูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยประจำเดือน ต.ค. 2023 อยู่ที่ 25,000 ล้านบาท”
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลกในเรื่องการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล เช่นเดียวกับการกำกับดูแลที่ติด 10 อันดับแรก แสดงให้เห็นถึงความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้บริโภคในประเทศไทย รวมถึงดึงดูดบริษัทต่าง ๆ ให้มาทำตลาดเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ประเทศไทยเช่นกัน
จากฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ ประกอบกับการเป็นบริษัทที่มีธนาคารกสิกรไทยมีส่วนร่วม ทำให้ orbix ถือเป็นกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผู้สนใจการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลพลาดไม่ได้ ยิ่งตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังจะกลับมาเติบโตอย่างยั่งยืน การมีกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่เชื่อใจได้น่าจะเพิ่มโอกาสการลงทุนได้ไม่น้อย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา