หลังจากที่อินเดียมีมาตรการกีดกันผู้ค้าปลีกต่างชาติ จนทำให้หลายรายถอนการลงทุนออกไป แต่ล่าสุด มีข่าวว่ารัฐบาลอินเดียกำลังพิจารณาข้อเสนอให้กลับเข้ามาทำธุรกิจได้ แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องลงทุนอย่างน้อย 100 ล้านเหรียญ
ถ้ากลับมา ต้องมีเงื่อนไข
รัฐบาลอินเดียที่นำโดยนายกรัฐมนตรี Narendra Modi กำลังพิจารณาร่างข้อเสนอที่พิจารณาให้ห้างค้าปลีกต่างชาติเข้ามาเปิดให้บริการในประเทศ โดยมีทีท่าว่าจะให้ผู้ค้าปลีกต่างชาติถือหุ้นได้ 100% หากยอมขายสินค้าท้องถิ่นในร้านของตนและลงทุนในประเทศอย่างน้อย 100 ล้านเหรียญ
นั่นเป็นเพราะ ห้างค้าปลีกรายใหญ่ในอินเดียอย่าง Wal-Mart และ Carrefour ได้ทยอยปิดกิจการลง เนื่องจากในปี 2014 ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันขึ้นมามีอำนาจได้สานต่อนโยบายจากรัฐบาลที่แล้วในการกีดกันการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในหมวดค้าปลีกอย่างจริงจัง
มาตรการกีดกันผู้ค้าปลีกชาวต่างชาติ อย่างเช่น บริษัทค้าปลีกจะต้องจ่ายเงินอย่างน้อย 50 ล้านเหรียญเพื่อใช้พื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าและบริการด้านโลจิสติกส์ มากกว่านั้นยังต้องจ้างคนงาน 1,000 คนต่อการลงทุนในทุกๆ 1,000 ล้านเหรียญ
มาตรการจากรัฐบาลเช่นนี้ทำให้ผู้ค้าปลีกหลายรายปิดกิจการลงในอินเดีย บางรายก็ลดการดำเนินการลงไป อย่างในปี 2013 Wal-Mart ได้ยุติการขายของในอินเดียเนื่องจากมีการสืบสวนสอบสวนโดยรัฐบาลในท้องถิ่นถึงการละเมิดกฎหมายการต่อต้านการทุจริตในอเมริกา หรือในปีที่ผ่านมา Carrefour ก็เพิ่งปิดร้านลงไปกว่า 5 แห่งในอินเดีย
สรุป
รัฐบาลอินเดียกำลังพิจารณาข้อเสนอที่จะให้ค้าปลีกต่างชาติกลับมาทำธุรกิจในอินเดียได้ แต่ต้องมาพร้อมกับเงื่อนไขหลายประการ และถ้าหากข้อเสนอนี้ผ่าน ด้านผู้ค้าปลีกอย่าง Wal-Mart กับ Carrefour ที่เคยมีประสบการณ์ในอินเดียมาแล้ว คงต้องคิดทบทวนอีกครั้ง เพราะอินเดียยังมีความน่าสนใจในแง่ของตลาด เนื่องจากเป็นประเทศที่มีตลาดอาหารและเครื่องดื่มใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก และมียอดค้าปลีกในประเทศถึงกว่า 70%
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา