ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาเศรษฐกิจดี จะดีจากบนลงมาล่าง หรือคนที่ได้ประโยชน์ก่อนก็จะเป็นกลุ่มเศรษฐี และนาฬิกาก็คือหนึ่งในของสะสมของพวกเขา ซึ่งปีนี้ตัวนาฬิกาหรูระดับ 5 แสนบาทนั้นสะพัดเป็นอย่างมาก และอาจเป็นตัวการันตีว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว
ภาพรวมนาฬิกายังโต ยิ่งเรือนหรูยิ่งสะพัด
ภาพรวมของตลาดนาฬิกาครึ่งปีแรกนั้นมีการเติบโตอยู่ราว 2-3% ต่างกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่แทบไม่มีการเติบโต นั่นเพราะเศรษฐกิจอาจเริ่มดีขึ้น และการลงทุนในนาฬิกาบางรุ่นก็มีผลตอบแทนกลับมาถึง 10% ทำให้มีคนระดับกลางถึงบน นอกจากกลุ่มเศรษฐีที่เริ่มหันมาซื้อนาฬิกาไปสวมใส่ หรือเก็บสะสมกันมากขึ้น
จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสบริหารสินค้า Watch Galleria บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป เล่าให้ฟังว่า ตลาดนาฬิการะดับกลางบนค่อนข้างชัดเจน ถ้าอ้างอิงจากตัวเลขการสำรวจของ Baselworld 2017 ประเทศไทยมีมูลค่าตลาดนาฬิกาที่ 45,900 ล้านบาท เพิ่ม 2-3% จากปีก่อน มาจากกลุ่มราคาตั้งแต่ 1-5 แสนบาท ราว 19,379 ล้านบาท
“ต้องยอมรับว่าคนรายได้ระดับกลางมีมากขึ้น และแบรนด์นาฬิกาก็มองเห็นกลุ่มนี้เป็นโอกาส ทำให้พวกเขาส่งรุ่นยอดนิยม แต่ปรับวัสดุเล็กน้อย เพื่อทำราคาลงมาให้เอื้อมถึงง่ายขึ้น เช่น Tag Hauer และ Hublot ประกอบกับมาตรการภาษีของไทย และโปรโมชั่น ก็ทำให้ตลาดนาฬิกาในประเทศไทยใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย และเป็นเป้าหมายสำคัญของผู้ผลิตทั่วโลก”
นักท่องเที่ยวคืออีกปัจจัยทำตลาดโต
สำหรับตลาดนาฬิกาในประเทศไทยปีนี้ 45,900 ล้านบาท ตลาด Luxury หรือราคา 5 แสนบาทขึ้นไป ราว 9,180 ล้านบาท รองลงมาเป็น Hi-End ราคา 1-5 แสนบาท 19,379 ล้านบาท และ Mid-Tier ราคา 20,000-1 แสนบาท 10,405 ล้านบาท สุดท้ายคือตลาด Fashion ราคา 5,000-20,000 บาท ที่ 6,935 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ทำให้ตลาดนี้เติบโตไม่ได้มาจากการซื้อจากผู้บริโภคในประเทศ เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวคิดเป็นยอดขายจากจำนวนนี้ถึง 30% โดยเฉพาะชาวจีนที่มาซื้อที่ไทยเยอะ เพราะราคาถูกกว่า และมีรุ่นให้เลือกหลากหลาย จนทำให้เอเชียเป็นพื้นที่สำคัญของผู้ผลิตนาฬิกาในการทำตลาด โดยมีจีน, ญี่ปุ่น, ไทย และเกาหลีเป็นประเทศหลักในการออกแบบ และทำตลาด
Smartwatch คือแทรนด์ใหม่ของตลาดนี้
ขณะเดียวกัน Smartwatch ก็เป็นอีกกระแสของตลาดนาฬิกา เพราะก่อนนี้มีเพียงผู้ผลิตนอกอุตสาหกรรมนี้ทำตลาดเท่านั้น แต่ปัจจุบันแบรนด์นาฬิกาชั้นนำก็เริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะรุ่นราคา 20,000-30,000 บาทก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น ส่วนกลุ่มนาฬิการะดับเริ่มต้น หลังจากแบรนด์อื่นปล่อยให้ Casio เล่นกับตลาดนี้คนเดียว ก็เริ่มเข้ามาทำตลาดมากขึ้นเช่นกัน
สรุป
การที่นาฬิการะดับหรูเติบโต แสดงให้เห็นถึงทิศทางของการสะสม รวมถึงกลุ่มผู้มีกำลังซื้อนาฬิกาที่มากขึ้น และน่าจะเป็นอีกตัวชี้วัดว่าเศรษฐกิจในกลุ่มผู้บริโภคระดับบนเริ่มฟื้นตัว และผลรวมนี้อาจส่งผลมาถึงภาพรวมของเศรษฐกิจก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ กว่าผลประโยชน์จะลงมาถึงผู้บริโภคระดับรากหญ้า ก็ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไหร่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา