ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและบริษัทในเครือ รายงานผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2023 มีกำไรสุทธิจำนวน 17,102 ล้านบาท เติบโต 12.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น รวมทั้งการเริ่มรับรู้รายได้เพิ่มเติมซึ่งเป็นผลจากการควบรวมธุรกิจในต่างประเทศในไตรมาส 2
ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 3.1% จากสิ้นปี 2022 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ 9.1% และสินเชื่อเพื่อรายย่อยที่ 4.5% ซึ่งครอบคลุมบริษัทในเครือแห่งใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์และเวียดนาม อย่างไรก็ตาม เงินรับฝากลดลง 0.4% หรือจำนวน 6,857 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2022
ผลประกอบการของธนาคารฯ ครึ่งปีแรกปี 2023 มีจุดสำคัญดังนี้
กำไรสุทธิอยู่ที่ 17,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมากจากรายได้จากการดำเนินงานในประเทศและรายได้เพิ่มเติมมาจากกลยุทธ์การควบรวมธุรกิจในต่างประเทศ
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 44,489 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ: NIM เร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3.52% จาก 3.36% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2022)
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย อยู่ที่ 17,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากการควบรวมธุรกิจในต่างประเทศ รวมทั้งหนี้สูญรับคืน
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 27,125 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากค่าใช้จ่ายทางการตลาด สอดคล้องกับการเร่งตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ค่าที่ปรึกษาและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ภาระการตั้งสำรอง รวมทั้งการรวมธุรกิจในต่างประเทศในช่วงครึ่งแรกของปี 2023
สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ 55,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) อยู่ที่ 2.31% เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นเดือน มี.ค.ที่อยู่ระดับ 2.26%
ทั้งนี้สัดส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 134 bps
- อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ที่ 161.7%
- อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ของธนาคาร) อยู่ที่ 17.72% เทียบกับ 17.97% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2022
เคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ธนาคารได้เข้าซื้อธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในประเทศฟิลิปปินส์และเวียดนาม ซึ่งเป็นสองเศรษฐกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในภูมิภาค โดยการควบรวมบริษัทในเครือใหม่นี้ยังช่วยสนับสนุนการเติบโตของเงินให้สินเชื่อด้วย
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจมองว่า หากไม่รวมปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 โดยมีแรงสนับสนุนหลักจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนมากขึ้นและส่งผลบวกต่อไปยังภาคแรงงานและค่าจ้าง รวมทั้งจะช่วยรักษาแรงส่งของเศรษฐกิจให้ขยายตัว 3.3% ตามการคาดการณ์ ทั้งนี้ กรุงศรียังคงเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อไว้ที่ 3-5%
ที่มา ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, SET
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา