คนไทยกว่า 60 ล้านคน มีถึง 36 ล้านคน ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินหรือธนาคารได้ เพราะมีรายได้ต่ำกว่า 12,000 บาทต่อเดือน หรือมีอาชีพอิสระ เป็น Self Employee หรือ Freelance ทำให้ไม่มีหลักฐานทางการเงินที่ยืนยันได้ว่ามีรายได้มากน้อยแค่ไหนต่อเดือน จึงถูกจัดให้เป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อแล้วอาจจะไม่ได้คืน
นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ หนี้นอกระบบในไทย กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ขยายวงมากขึ้นเรื่อยๆ และที่น่ากลัวคือ ทุกวันนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ชัดเจนว่า หนี้นอกระบบมีมูลค่าเท่าไรกันแน่ (เพราะมันอยู่นอกระบบ) ดังนั้น การที่เราพูดถึงหนี้ครัวเรือนของประชากรไทย ยังไม่รวมหนี้นอกระบบไปด้วย ทำให้เรื่องนี้ยากที่จะรู้ตัวเลขที่แท้จริง
ถิรนันท์ อรุณวัฒนกูล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท มันนิกซ์ จำกัด (MONIX) สตาร์ทอัพด้านฟินเทค เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินเชื่อดิจิทัล บริษัทลูกของ SCBX ภายใต้ความร่วมมือกับ Abakus Group จากประเทศจีน บอกว่า จากอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบทำให้ คนไทยจำนวนไม่น้อยต้องพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ หรือที่เรียกกันว่า “พี่หมวกกันน็อค” จากการที่มาเสนอเงินกู้ให้ถึงบ้านแบบง่ายๆ แต่หารู้ไม่ว่าดอกเบี้ยของเงินกู้นอกระบบเมื่อคิดแล้วอาจสูงถึง 200-300% ต่อปี
เช่น การกู้เงิน 10,000 บาท คิดดอกเบี้ย 200 บาทต่อวัน ดูเป็นจำนวนเงินที่น้อย จ่ายดอกเบี้ยได้ทุกวันแค่ 200 บาท แต่นี่คือดอกเบี้ยล้วนๆ การจ่ายดอกเบี้ยวันละ 200 บาทไม่ลดเงินต้น เท่ากับว่าถ้าจ่ายเพียงเท่านี้ ลูกหนี้จะไม่สามารถปลดหนี้ได้เลย และเมื่อครบ 1 เดือน เท่ากับต้องจ่ายดอกเบี้ยไป 6,000 บาทหรือ 60% ต่อเดือน
นี่คือสิ่งที่คนไทยจำนวนไม่น้อยขาดความรู้ความเข้าใจ และตัดสินใจเข้าสู่หนี้นอกระบบ
ทำไมคนไทยถึงกู้เงินจากสถาบันการเงินอย่างธนาคารไม่ได้?
สถาบันการเงินอย่างธนาคาร มีข้อจำกัดเยอะในการปล่อยสินเชื่อ เพราะมีต้นทุนการดำเนินงานสูงจากจำนวนสาขาและพนักงานที่มีอยู่มาก และยังต้องดูแลเงินฝากของประชาชน ดังนั้นการปล่อยสินเชื่อจึงต้องการหลักฐานทางการเงินมากมาย แต่ก็ยังรับความเสี่ยงได้ต่ำ
ขณะที่กลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคาร หรือ Non-Bank จะอาศัยจำนวนสาขาและพนักงานที่น้อย เพื่อให้ต้นทุนการดำเนินงานต่ำลงและปล่อยสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นได้มากกว่า ยิ่ง MONIX เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัล คือ ใช้เทคโนโลยีทำงาน ไม่มีสาขาเพราะบริการอยู่บนมือถือ ไม่ต้องมีพนักงานจำนวนมาก เพราะใช้ AI เข้ามาทำงานแทน ต้นทุนจึงต่ำลงไปอีก การรับความเสี่ยงก็ทำได้มากขึ้น เป็นโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงเงินกู้ได้มากขึ้นด้วย
และสำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก MONIX คือ ผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัล โดยได้รับใบอนุญาต Nano License จากธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้บริการสินเชื่อขนาดเล็ก หรือ Micro Lending สามารถปล่อยสินเชื่อได้วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน และคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 33% ต่อปี หรือคิดเป็น 2.75% ต่อเดือน ถือเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเงินกู้นอกระบบแบบที่เทียบกันไม่ติด
นี่คือทางช่วยให้คนไทยออกจากหนี้นอกระบบ คือ เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
ทำอย่างไรจึงจะเป็นลูกค้าของบริการสินเชื่อขนาดเล็ก
ถิรนันท์ บอกว่า นอกจาก MONIX ยังมีผู้ให้บริการสินเชื่อขนาดเล็กอีกหลายสิบรายภายใต้ใบอนุญาตของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งคนที่ต้องการเป็นลูกค้า หรือ เป็นลูกหนี้ จะต้องผ่านการคัดเลือกโดยดู 2 คุณสมบัติ คือ (1) ความต้องการที่จะชำระหนี้ และ (2) ความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งคุณสมบัตินี้พิจารณาผ่านข้อมูล หรือ Data ของบุคคลนั้น
สิ่งที่ MONIX ทำคือ ใช้เทคโนโลยี ข้อมูล Data และ AI เข้ามาพิจารณาการปล่อยสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านแอปพลิเคชั่น FINNIX ที่สามารถเข้าถึงคนไทยผ่านมือถือได้ทั่วประเทศแบบ 24×7 ไม่ต้องไปสาขาที่ไหน ต้องการเงินกู้เมื่อไร กดเข้ามือถือเพื่อรับการพิจารณาได้ทันที ถ้าได้รับการอนุมัติ เงินจะเข้าสู่ธนาคารของผู้กู้ภายใน 5 นาที โดยจะมีบัญชีธนาคารอะไรก็ได้
ตามปกติคนที่จะกู้เงินได้ต้องมี Payslip ยืนยันรายได้ต่อเดือน แต่สำหรับ MONIX ถ้ามีข้อมูลทางการเงินก็จะพิจารณาได้ง่าย แต่ถ้าไม่มี ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะ MONIX ใช้การพิจารณาจากพฤติกรรม (Behavior Data) ดูจากพฤติกรรมการใช้มือถือเป็นหลัก โดยจะมีการขอความยินยอมจากลูกค้าในการเข้าถึงข้อมูลส่วนนี้ เพื่อทำให้ MONIX เข้าใจลูกค้าในเบื้องต้น
พฤติกรรมหลังเป็นลูกค้าแล้วสำคัญยิ่งกว่า
พฤติกรรมก่อนเป็นลูกค้า เป็นแค่การทำความรู้จักกันเพื่อสร้างความเข้าใจในเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าผ่านการอนุมัติ ลูกค้าจะได้รับสินเชื่อในระดับต่ำก่อน ถ้ายังไม่มีการเบิกเงิน ก็ยังไม่ต้องเสียดอกเบี้ย เรียกว่าผ่านการอนุมัติไว้ก่อนก็ได้ แต่จากนั้น MONIX จะมีการเก็บข้อมูลพฤติกรรมมากขึ้น
จุดนี้เองคือปัจจัยที่ทำให้ได้รับวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้น คือ ถ้ามาเป็นลูกค้าในระบบ มีพฤติกรรมที่ดี มีความรับผิดชอบ จะมีการสะสมคะแนนสกอร์ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีโอกาสได้รับการพิจารณาเพิ่มวงเงินสินเชื่อให้สูงขึ้น เรียกว่า พฤติกรรมหลังการเป็นลูกค้าแล้ว สำคัญมากกว่าพฤติกรรมก่อนเป็นลูกค้าเสียอีก
ในแอป FINNIX จะมีระบบที่เรียกว่า FINNIX Report มีหลักในการให้คะแนน 5-6 แกน ซึ่งแสดงถึงการมีพฤติกรรมที่ดี มีความรับผิดชอบ ยิ่งเป็นลูกค้ากันนาน คะแนนจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาววงเงินสินเชื่อก็อาจเพิ่มขึ้น สิ่งนี้ยังเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเงิน (Financial Literacy) ให้กับคนไทย ซึ่งจะเป็นหนึ่งในการสร้างอีโคซิสเต็มที่ดีให้กับสังคมด้วย
อีกส่วนที่สำคัญเช่นกันคือใน FINNIX จะมีฟีเจอร์ช่วยหางานให้กับลูกค้า สร้างโอกาสในการมีงานทำ มีรายได้สำหรับมาใช้จ่ายและชำระคืนเงินกู้ กล่าวได้ว่า ในฐานะผู้ให้บริการสินเชื่อดิจิทัล MONIX ให้ความสำคัญทั้ง 3 แกนหลัก คือ ให้บริการสินเชื่อ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเงิน และช่วยหางานหารายได้ให้กับลูกค้าด้วย
การทวงหนี้อย่างถูกต้อง ปัจจัยสำคัญลดหนี้เสียได้
ถิรนันท์ บอกว่า ในต่างประเทศ Micro Lending ได้รับความนิยมมาก ประเทศที่น่าสนใจคือ จีน ซึ่ง MicroนLending ได้รับความนิยมอย่างสูง มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดที่จีนแตกต่างกับไทยคือ กฎหมายทวงหนี้ ซึ่งไทยกำหนดให้สามารถทวงหนี้ได้วันละ 1 ครั้ง ถ้ามีการรับสายแล้วถือว่าจบ วันนั้นไม่สามารถทวงได้อีก
แต่จีน อนุญาตให้ทวงหนี้กี่ครั้งก็ได้แต่ห้ามเป็นการคุกคามจนเกินไป ซึ่งผลที่ได้รับคือ อัตราการทวงหนี้สำเร็จในจีนสูงขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากหนี้นอกระบบ ที่การทวงหนี้ไม่มีหลักเกณฑ์ ไม่มีความปลอดภัย มีโอกาสที่ข้อมูลส่วนตัวจะถูกเปิดเผย และสิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ หนี้นอกระบบไม่มีทางปิดจบ เพราะเงินที่ผ่อนชำระคือ ดอกเบี้ยล้วนๆ ไม่ทบต้น
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ทำไมการทวงหนี้หลายครั้งจึงได้ผล จากข้อมูลพบว่า หากลูกหนี้รับสาย 1 ครั้ง ไม่ได้หมายความว่าจะได้คุยกัน (อาจจะขับรถ ติดประชุม ฯลฯ) ส่งผลให้หนี้สงสัยจะสูญอาจจะปรับสูงขึ้นได้ หลายครั้งคนกลุ่มที่เป็นลูกหนี้ เมื่อได้รับการทวงหนี้อย่างถูกต้อง ได้รับการพูดคุยที่ดี มีเหตุผล ได้รับการโน้มน้าวที่ดี ทำให้คนตัดสินใจจ่ายชำระหนี้ ซึ่งพนักงานที่โทรทวงหนี้ ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญมากๆ ในการพูดคุยกับลูกหนี้
แนวคิด 5S กับเป้าหมายการลดหนี้นอกระบบในไทย
MONIX เป็นฟินเทคอายุ 3 ขวบ มีบริการชื่อ FINNIX เป็น Nano Finance ใช้ Data AI 100% ในการรับสมัคร ตรวรจสอบอนุมัติ และโอนเงินให้ลูกค้า เรียกว่าเป็น วงเงินสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยเมื่อมีการเบิกเงินออกไป และพร้อมให้บริการกับทุกคนในประเทศไทย ด้วยแนวคิด 5S
- Scale – ขยายการเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ
- Simple – ใช้งานง่าย เข้าแอปแล้ว ทำได้โดยไม่ต้องสอน
- Smart – ใช้ Data AI ในการจัดการ ไม่ต้องมีคน
- Speed – ตั้งแต่เร่ิมต้น จนถึงรับเงินสินเชื่อ 5 นาทีรู้เรื่อง
- Secure – ระบบมีความปลอดภัย
สำหรับในอนาคตจะมีบริการใหม่ออกสู่ตลาด คาดว่าเป็นช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า เพื่อให้ใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น เป้าหมายสำคัญคือ ต้องการสร้าง Financial Literacy หรือความรู้ความเข้าใจเรื่องการเงินให้กับประชาชน และอยากเห็นผู้ให้บริการสินเชื่อจำนวนมากๆ เข้ามาในตลาด เพื่อช่วยให้คนไทยเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น และออกจากหนี้นอกระบบให้ได้มากที่สุด
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา