เรื่อง Soft Power ไม่จำเป็นต้องรอให้ต่างชาติช่วย เริ่มต้นง่ายๆ ที่ผู้นำก่อนเลย!
งานนี้ว่าที่นายกรัฐมนตรี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกลแค่พูดแนะนำชื่อเหล้าท้องถิ่นแป้บเดียว ตอนนี้ขายหมดโรงงานแล้วจ้า
ต้องบอกว่า มาแรงจริงๆ ทั้งเหล้า และคน
บทสนทนาระหว่างสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และน้องไบรท์ จากรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ทางช่อง 3 พูดถึงไลฟ์สไตล์ในการดื่ม นับตั้งแต่เช้าเริ่มต้นด้วยกาแฟส้ม ตามด้วยโซดาใส่น้ำส้มในยามกลางวัน ปิดท้ายด้วยตอนกลางคืนคือ “สุราก้าวหน้า”
พิธา เล่าว่า “ตอนกลางคืน เขาดื่มสังเวียน เป็นเหล้าที่ผลิตจากอ้อย มาจากจังหวัดสุพรรณบุรี จากนั้นเขาก็แนะนำว่ามี Kilo เหล้าจากกระบี่ด้วย เขาบอกว่าอีกหน่อยเราสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับอ้อยพันธุ์ได้”
“ตอนนี้เหล้าส่งออกต่างประเทศไม่ได้ ถ้าปลดล็อคเรื่องสุราก้าวหน้าได้ ก็อาจจะเพิ่มกำลังการผลิตได้เป็น 2 เท่า ซึ่งนี่ก็เป็นอีกนโยบายเศรษฐกิจที่ทำให้สินค้าเกษตรกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มราคาได้รวดเร็วขึ้น ช่วงที่เกิดโควิดระบาดและทำให้ไม่สามารถไปดื่มที่ร้านได้ โฆษณาไม่ได้ ก็ทำให้ขาดช่องทางในการทำงาน”
“ผู้ค้ารายใหญ่จะมีเงินมากพอที่จะไปจ้างเอเย่นที่สิงคโปร์และยิงโฆษณามาในโซเชียลมีเดียเพื่อโฆษณาสินค้าได้อีกที แต่ของคนไทย ไม่มีใครมีงบประมาณที่จะทำเ่นนั้น สินค้าต่างๆ ที่เป็นน้ำดื่มยี่ห้อเดียวกัน รายใหญ่จะมีกำลังมากพอที่จะทำ Port Folio เพื่อให้สินค้าติดตลาด แต่สังเวียนก็ดี Kilo ก็ดี ฉลองเบย์ก็ดี ไม่มีโอกาสจะทำแบบนั้น”
สุราสังเวียนมาจากสุพรรณบุรี Kilo มาจากกระบี่ ฉลองเบย์มาจากภูเก็ต Iron Balls จากกรุงเทพฯ และหมาใจดำมาจากเชียงใหม่ เหล้าเหล่านี้มีที่มาที่ไป มีเรื่องเล่าที่สามารถเปลี่ยนมูลค่า สินค้าพวกนี้อยู่ในโกดัง ราคามีแต่จะลง แต่ถ้าอยู่ในขวด ราคาก็จะเพิ่มขึ้นๆ ซึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่อย่างคุณต๊อด บุญรอดบริวเวอรี พิธาก็รู้สึกชื่นชมและดีใจ หวังว่าจะมีโอกาสทำงานร่วมกัน
การทำสุราก้าวหน้าจะเพิ่มโอกาสให้แก่เกษตรกร เพิ่มจากโภคภัณฑ์ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ได้ ขณะเดียวกันโอกาสของทุนใหญ่ก็มากขึ้น อีกหน่อยคุณต๊อดฯ อาจจะไม่ต้องทำธุรกิจด้านการพัฒนา อาจไม่ต้องทำ CSR เพราะมีพวกนี้ทำไว้หมดแล้ว ขอให้ลงทุนด้วยกันอย่างเท่าๆ กัน อย่าไปเอาเปรียบหรือทำลายเขา ให้โตไปด้วยกัน ช่วยเขาส่งออก
อีกหน่อยโลจิสติกส์ของหลายบริษัทที่บอกว่าต้นทุนแพงเพราะสินค้ามีไม่พอ พอสินค้าเพิ่มเข้าไปก็อาจจะไม่ต้องตีรถเปล่า อย่างที่เคยพูด ออสเตรเลียเคยเปิดเสรีคราฟท์เบียร์ ส่วนแบ่งตลาดหายแค่ 4-5% ซึ่งในมุมธุรกิจใหญ่หายแค่เพียง 20,000 กว่าล้านบาทที่มันเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานราก ไม่ต้องประกัน ไม่ต้องจำนำอีก กระตุ้นทั้งการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมอีก
นโยบายเหล่านี้เพิ่มผู้ผลิต ไม่ใช่เพิ่มผู้ดื่ม เพราะถ้าอยากเมา เข้าร้านสะดวกซื้อก็ซื้อดื่มได้แล้ว แต่คราฟท์เบียร์เป็นเครื่องดื่มที่มีราคาสูง มีเรื่องเล่า มีวัฒนธรรม ของพวกนี้คือการกินให้ได้อรรถรส รู้ว่าไปภูเก็ตจะกินหมี่ฮกเกี้ยนกินให้อร่อยต้องกินกับเบียร์ยี่ห้อไหน หรือขึ้นเชียงใหม่ ก็กินข้าวเบ๊อะของพี่น้องปกาเกอะญอกับเหล้าดาวลอยของเขาเลย ก็สามารถจับคู่เป็นการท่องเที่ยวเชิงชาติพันธุ์ ช่วยให้เขามีโอกาสลืมตาอ้าปากได้
พิธายังเคยฝันว่าลิซ่า Blackpink ยังเป็นพรีเซนเตอร์เหล้า ก็หวังว่าใน 4 ปีจะมีเหล้าเสิร์ฟใน APEC ให้ Biden, Macron, Trudo ได้กิน และสักวันไปถึงระดับโลก ให้เรามีเงินมากพอจ้างพอให้คนบุรีรัมย์ขายเหล้าบุรีรัมย์ให้ทั่วโลกได้เห็น คือ hi-tech หรือ hi-touch คือเอาสินค้าเกษตรที่ทำให้เกษตรกรมีโอกาสเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ ที่ญี่ปุ่นมีสาเกกว่า 20,000 เจ้า คนก็ขับรถไปลองชิมกันตลอด ซึ่งก็ควรสนับสนุนทั้งด้านการควบคุมและบริหารจัดการให้ดี
หลังจากที่พิธาฯ แนะนำเครื่องดื่มสุราดังกล่าว วันนี้ทั้งวันเล่นเอาผู้ผลิตต้องออกมาบอกว่าไม่ได้นอนแน่ เพราะต้องเตรียมจัดส่งเหล้าตามออเดอร์ อย่างเหล้าสังเวียนจากสุพรรณบุรี ก็มีการประกาศว่าผลิตไม่ทัน ตอนนี้ขายหมดโรงงานแล้ว ขณะที่ เหล้า Kilo ก็ตามตอบข้อความจากลูกค้าถล่มทลาย นี่ก็คือตัวอย่าง Soft Power เบาๆ จากว่าที่ผู้นำฯ..นี่แค่เริ่มต้นนะ
ที่มา – เรื่องเล่าเช้านี้, Chalit Mru, Kilo, ประชาชนเบียร์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา