“แสนสิริ” ภาพลักษณ์ใหม่ ไม่ใช่แค่สวย-ของดี แต่ฟังก์ชั่นทุกอย่างต้องใช้งานได้จริงในทุกโครงการ

ก่อนหน้านี้ถ้าพูดถึง “แสนสิริ” หลายคนคงนึกถึงโครงการที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ หรือเป็นคอนโดมีเนียมที่ตกแต่งอย่างสวยงาม แต่จากนี้จะมีเรื่อง Function เพิ่มขึ้นมา เพราะถ้าแค่สวยอย่างเดียว คงยืนระยะในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ยาก

Co-Kitchen Space ของโครงการ The Line ประดิพัทธ์ ที่ปรับภาพลักษณ์ให้แสนสิริ มีความ Function มากขึ้น

ภาพลักษณ์ใหม่ กับงานดีไซน์เน้น Function

การจะทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในตอนนี้จะมีแค่ทำเลที่ตั้งใกล้รถไฟฟ้า หรือตัวที่พักอาศัยออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันในเรื่องการใช้งานมากขึ้น ซึ่งทาง “แสนสิริ” นั้นจริงจังกับเรื่องนี้มาตลอด แต่ยังไม่ได้สื่อออกมาได้ดีเท่าที่ควร ทำให้ภาพลักษณ์โครงการของบริษัทยังติดอยู่แค่ทำเลสวย, ใช้ของดี และทุกอย่างสวยงาม

อุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ เล่าให้ฟังว่า เรื่อง Living Experience หรือประสบการณ์การใช้ชีวิตของลูกบ้าน คือเรื่องที่บริษัทจริงจังมาโดยตลอด ตั้งแต่โครงการระดับ 9 แสนบาทจนถึง 650 ล้านบาทบริเวณถนนสุขุมวิท แต่ผู้บริโภคก็ยังติดกับภาพเดิมๆ ของบริษัทอยู่

อุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บมจ.แสนสิริ

“แสนสิริยังสื่อสารเรื่อง Function การใช้งานของโครงการต่างๆ ไม่มากพอ แต่จากนี้ไปจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเตรียมใช้งบประมาณราว 50 ล้านบาท เพื่อสื่อสารไปยังผู้บริโภคเกี่ยวกับเรื่องการใช้งานมากกว่าเดิม โดยเน้นไปที่ออนไลน์ และตั้งเป้าว่าภาพลักษณ์ของบริษัทจะเปลี่ยนไป โดยนอกจากความสวย และดีไซน์ที่ดึงดูด จะมีเรื่องอื่นๆ เข้ามาด้วย”

จับมือสมิติเวช 5 ปี ชูความแตกต่างที่พักอาศํย

อย่างไรก็ตามการสร้างแบรนด์ด้วย Function ที่พักอาศัยที่ใช้ได้จริง “แสนสิริ” ไม่สามารถทำคนเดียวแล้วทุกอย่างจะดีได้ จึงตัดสินใจร่วมกับ “สมิติเวช” หนึ่งในโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศไทย เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อช่วยออกแบบโครงการ โดยเน้นที่การเสริมสร้างความสุขในการใช้ชีวิตรูปแบบต่างๆ ผ่านการนำนวัตกรรมทางการแพทย์มาประยุกต์ใช้

และความร่วมมือครั้งนี้ก็เริ่มที่ Educational Playground หรือสนามเด็กเล่นที่เสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก ภายในโครงการที่พักอาศัยแนวราบเช่น คณาสิริ รังสิต คลองสอง ลงทุนประมาณที่ละ 1-2 ล้านบาท ส่วนหลังจากนี้จะเพิ่ม Function การใช้งานสำหรับผู้สูงอายุมากขึ้น เพราะอีกไม่กี่ปีจะมีประชากรกลุ่มนี้เกิน 20% และลูกบ้านของบริษัทก็มีคนวัยนี้อยู่มาก

โอกาสเติบโตของอสังหาฯ ครึ่งปีหลังยังสดใส

ปัจจุบันภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมีเนียมนั้นมียอดขายต่อปีลดลงจากช่วงตลาดบูมที่มียอดขายทั้งปีรวมกันกว่า 1 แสนยูนิต เพราะในปีก่อนเหลือเพียง 70,000 ยูนิตเท่านั้น แต่จากการมองดูในช่วงต้นปีตลาดก็เริ่มฟื้นตัวเล็กน้อย และช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีการตัดสินใจซื้อมากขึ้น ประกอบกับการ Over Supply ก็น้อยลงแล้ว ก็ทำให้ผู้พัฒนาเริ่มลงทุนมากขึ้น

คอนโดมิเนียมที่อยู่บริเวณรถไฟฟ้าสายสีม่วงนั้นยังติดภาวะ Over Supply อยู่ เพราะความไม่ชัดเจนในเรื่องการดำเนินงาน // ภาพโดย MNXANL (Own work) [CC BY-SA 4.0 (http://creativecommons.org/licenses/by-sa/4.0)], via Wikimedia Commons
สำหรับ “แสนสิริ” ปีนี้จะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด 19 โครงการ และจังหวัดเชียงใหม่มีโครงการ “ดีคอนโด พิงค์” ที่มียอดซื้อจากต่างชาติเข้ามามาก แม้ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการ เพราะล่าสุดได้ยอดจองจากนักลงทุนชาวฮ่องกงกว่า 100 ยูนิต ราคาเฉลี่ยยูนิตละเกือบ 2 ล้านบาท และเตรียมไปเปิดตลาดในสิงคโปร์ กับจีนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มยอดขาย

สรุป

หากจะทธุรกิจเพื่อความยั่งยืน การชูเรื่องความสวยงาม และลงทุนแค่ดีไซน์สวยๆ คงไม่ได้ เหมือนกับที่ “แสนสิริ” ได้กล่าวไว้ และแนวคิดนี้ก็สามารถประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ด้วย เช่นรถยนต์ ที่ปัจจุบันการตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกเริ่มไม่ตอบโจทย์ เพราะผู้ซื้อเริ่มดูที่นวัตกรรม และเทคโนโลยีต่างๆ ภายในรถยนต์มากขึ้น ที่สำคัญมันต้องไม่ได้แค่โชว์ แต่ต้องใช้งานจริงได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา