Maserati แบรนด์รถยนต์จากอิตาลี เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการราว 7 ปีก่อน เนื่องจากเห็นโอกาสในตลาดรถยนต์ระดับ Luxury ที่เวลานั้นยังมีตัวเลือกในตลาดไม่มากนัก
โดยเฉพาะกับช่วง 2 ปีล่าสุดที่มีรถยนต์รุ่นใหม่นำเข้าจากอิตาลีมาจำหน่ายให้กับกลุ่มมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้คนไทยรู้จักรถยนต์แบรนด์นี้มากขึ้น รวมถึงตัวแบรนด์เข้าไปเป็นหนึ่งในรถยนต์ในฝันของหลายคน
แล้วปี 2023 Maserati มีกลยุทธ์ธุรกิจอะไรในการทำตลาดเพื่อสร้างยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกว่า 4,000 คัน หรือเติบโตจากปีก่อนเกือบเท่าตัว และประเทศไทยยังสำคัญกับ Marserati หรือไม่ Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ ทาคายูกิ คิมูระ กรรมการผู้จัดการ Maserati เอเชียแปซิฟิก ดังนี้
Maserati กับการสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทาคายูกิ คิมูระ เล่าให้ฟังว่า ปี 2022 Maserati ทำยอดขายในเอเชียแปซิฟิกได้ราว 2,500 คัน และภูมิภาคนี้ถือเป็นตลาดสำคัญของบริษัท โดยหากไม่นับประเทศจีน ประเทศที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคนี้คือเกาหลีใต้ รองลงมาเป็นญี่ปุ่น และออสเตรเลียเป็นอันดับที่ 3
การที่ Maserati มียอดขายเพิ่มขึ้นมาจากการทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในกลุ่ม Luxury โดยเฉพาะรถยนต์แบบ SUV ที่ตอบโจทย์ตลาดในเรื่องความอเนกประสงค์ และสมรรถนะ รวมถึงความแตกต่างที่เป็นจุดแข็งของ Maserati เมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับ Luxury แบรนด์อื่น
“แม้ที่ผ่านมา และเวลานี้ในตลาดโลก กับเอเชียแปซิฟิกจะมีปัญหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย และปัจจัยลบอื่น ๆ แต่ Maserati ไม่ได้รับผลกระทบนัก และจากการใช้แผนการตลาดที่ถูกต้อง ประกอบกับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ จึงตั้งเป้ายอดขายในเอเชียแปซิฟิกไว้ที่ 4,000 คัน”
อาเซียนถึงจะเล็ก แต่มีแนวโน้มเติบโตสูง
สำหรับตลาดเอเชียแปซิฟิก Maserati มียอดขายมากที่สุดจากประเทศเกาหลีใต้ รองลงมาเป็นญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ส่วนในอาเซียน ตลาดยังค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับภูมิภาคดังกล่าว แต่ยังมีความสำคัญ และไทยถือเป็นประเทศที่มียอดขายสูสีกับมาเลเซีย โดยทั้งสองประเทศแข่งกันเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนในแต่ละช่วงเวลา
ปัจจุบัน Maserati แบ่งการทำตลาดรถยนต์เป็น 4 กลุ่มคือ Sedan, SUV, Sports Car และ Super Sports Car หากนับเรื่องมูลค่า และการสร้างแบรนด์ กลุ่ม Sports Car และ Super Sports Car คืออาวุธหลัก แต่หากเป็นการเข้าถึง และจำนวนยอดขาย Sedan และ SUV จะเป็นอาวุธหลักแทน
“ไทยมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง และตอนนี้ Maserati ทำตลาดครอบคลุมเกือบทุกกลุ่มรถยนต์ ซึ่งมั่นใจว่ารถยนต์ระดับเกือบ 7 ล้านบาท หรือ Sweet Spot ของรถยนต์ระดับ Luxury เรากลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญของผู้ซื้อ โดยเฉพาะผู้ซื้อที่ชื่นชอบในความแตกต่าง”
จูงใจลูกค้ากระโดดจาก Premium สู่ Luxury
ในประเทศไทย ลูกค้าของ Maserati แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ ผู้ชาย 50%, ผู้หญิง 30% และที่เหลือเป็น LGBT โดยพวกเขามีจุดร่วมเดียวกันคือชื่นชอบในความแตกต่าง ไม่ต้องการเหมือนใคร เช่น การนำรถยนต์ไปจอดในช่อง Super Car ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์เดิม ๆ ซึ่ง Maserati ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
“แม้จะเป็นอิตาลีเหมือนกัน แต่คาแรคเตอร์ของ Maserati นั้นแตกต่างจากแบรนด์อื่น ถ้าให้เปรียบก็คงเป็นนาฬิกาหรูที่ Maserati จะไม่ได้เป็นแบรนด์แรกที่คนทั่วไปนึกถึง แต่จะเป็นแบรนด์อื่น ๆ ที่มีความแตกต่าง และคงความหรูหรา มีประสิทธิภาพ”
Maserati จำหน่ายรถยนต์ในตลาดไทยราคาเริ่มต้น 6.49 ล้านบาท ในชื่อรุ่น Grecale GT รถยนต์ Compact SUV จนถึง MC20 Ceilo รถยนต์ Super Sports Car ราคา 26.5 ล้านบาท โดยในไทย Maserati มีส่วนแบ่งในตลาด Luxury Car ราว 10% เนื่องจากยังขาดรถยนต์กลุ่ม Super Cars อยู่
มอเตอร์โชว์ หวังยอด 15 คัน
สำหรับในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2023 ทาง Maserati คาดหวังยอดขายที่ 15 คัน ใกล้เคียงกับปี 2022 และในปี 2024 มีแผนนำรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย แต่ยังไม่เปิดเผยถึงช่วงเวลา และราคาจำหน่าย
“ในประเทศไทยเรามี Maserati Owner Club หรือกลุ่มเจ้าของรถยนต์ Maserati ที่กลุ่มนี้จะมีกิจกรรม และเกิดการบอกต่อกับผู้มีกำลังซื้ออื่น ๆ เพื่อเข้ามาใช้งานรถยนต์แบรนด์ Marserati โดยกลุ่มผู้ใช้ของเรามักจะมีรถยนต์ในบ้าน 4-5 คันขึ้นไป ดังนั้นการมีรถยนต์ไฟฟ้าล้วน และรถเครื่องสันดาปภายในไปด้วยกันจึงไม่ใช่ปัญหา”
ปัจจุบัน Maserati มีโชว์รูมในประเทศไทย 3 แห่ง อยู่ในศูนย์การค้า 2 แห่ง และมีศูนย์บริการ 1 แห่ง รองรับรถยนต์เฉลี่ย 400-500 คัน/ปี และ Maserati เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ของกลุ่ม Stellantis ที่เกิดจากการรวมกันของ Fiat Chrysler Automobiles กับ Groupe PSA เจ้าของแบรนด์ Peugeot และ Citreon
อ้างอิง // Stellantis
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา