ปฏิเสธไม่ได้ว่า Millennial รวมถึงคนรุ่นหลังจากนี้อยากทำงานอิสระ และไม่ต้องมีใครมาคุมมากมาย ดังนั้น Mobility Office หรือการทำงานที่ไหนก็ได้จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่ในฝั่งนายจ้างคงปวดหัวไม่น้อย และไม่รู้ว่าจะคุมคุณภาพงานอย่างไร
สุขภาพจิตพนักงานดี แต่เจ้าของอาจเครียด
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น คนรุ่นใหม่ๆ ชื่นชอบความอิสระ และนั่นก็ส่งผลมาถึงการทำงาน ทั้งกลุ่มคนที่เป็นลูกจ้าง รวมถึกลุ่มที่เป็นเจ้าของกิจการ เพราะพวกเขานำเรื่องความอิสระมาใช้กับงาน คือต้องการทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องมีโต๊ะทำงานประจำ หรือสำนักงานที่ต้องเข้าไปตอกบัตรทุกวัน
ซึ่งหากทำเช่นั้นได้ สุขภาพจิตของพวกเขาน่าจะดีกว่าการบังคับให้มาตอกบัตรแน่ๆ แต่ฝั่งที่กลับมาเครียดน่าจะเป็นกลุ่มเจ้าของกิจการที่จ้างคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานมากกว่า เพราะห่วงที่จะคุมคุณภาพงานให้มีประสิทธิภาพเหมือนทำงานในสำนักงาน และยิ่ง Tools ในปัจจุบันก็ประยุกต์ใช้ได้ค่อนข้างยาก เมื่อเทียบกับลักษณะองค์กรแบบไทยๆ
บิล เซง ผู้เขี่ยวชาญด้านเทคโนดลยีการทำงานร่วมกันบนคลาวด์ ของ Cisco เล่าให้ฟังว่า จริงๆ แล้วการควบคุมประสิทธิภาพในการทำงานนั้นเริ่มทำได้หลายรูปแบบ เพราะทั่วโลกในปี 2563 จะมีกลุ่มคนทำงานใช้ Mobility Device กว่า 60% ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้เพียงแค่หาโซลูชั่นที่ช่วยมอนิเตอร์การทำงานได้ ก็ช่วยคุมประสิทธิภาพได้ประมาณหนึ่ง
Sharing และ Knowledge Base คือก้าวต่อไป
“หลังจากนี้กลุ่ม Baby Boomer จะลดบทบาทในหน้าที่การงานลงแน่นอน และถ้าองค์กร โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ยังไม่ปรับตัวไปในทิศทางนี้ โอกาสที่จะสูญเสียโอกาสทางธุรกิจก็มีสูง โดยเรื่อง Sharing Economy กับ Knowledge Base คือแนวคิดสำคัญในการก้าวไปสู่การทำธุรกิจ และบริหารงานในยุคใหม่”
สำหรับ Cisco ปัจจุบันเริ่มทำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เรื่องการทำงานร่วมกัน และทำงานนอกสถานที่มากขึ้น เช่นล่าสุด Cisco Spark ที่รวบรวมอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งที่ใช้ในห้องประชุม เช่นชุดกล้องความคมชัด 5K พร้อมไมค์กับลำโพง สามารถติดตามผู้พูดได้, กระดานอัจฉริยะ ที่ทำให้การประชุมนั้นเข้าใจได้มากขึ้น และทั้งหมดถูกคุมภายใต้ระบบความปลอดภัยชั้นสูง
Facebook Workplace กับการคุยในองค์กร
ขณะเดียวกัน Facebook ก็เริ่มทำตลาดบริการเกี่ยวกับองค์มากขึ้น เช่น Workplace แพลตฟอร์มเชื่อมต่อพนักงานในองค์กรให้คุยกันมากขึ้น สื่อสารกันมากขึ้น โดยอาศัยความได้เปรียบเรื่องแทบทุกคนใช้งาน Facebook ทำให้รูปแบบการสื่อสารนั้นง่ายกว่าเดิม โดยบริการนี้มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น 3 ดอลลาร์สหรัฐ/บุคคล หากต้องการใช้เซอร์วิสทั้งหมด
สรุป
เทรนด์การทำงานของ Millennial นั้นแตกต่างกับคนยุคก่อนชัดเจน ดังนั้นการจะทำงานให้ได้ประสิทธิภาพก็ต้องทำความเข้าใจใหม่ด้วย และในฝั่ง Cisco เอง นอกจากสร้างโซลูชั่นของตนเองขึ้นมา ยังเปิด API ให้นักพัฒนาที่สนใจนำไปปรับใช้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่นภาคการศึกษา และสถานพยาบาลด้วย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา