กนง. เคาะแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% เป็น 1.50% ต่อปี มีผลทันที
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนได้รับแรงส่งต่อเนื่องจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ช่วยสนับสนุนการจ้างงานและการกระจายรายได้ของลูกจ้างในภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีจำนวนมาก
การส่งออกสินค้าชะลอตัวในปีนี้ แต่จะกลับมาขยายตัวดีขึ้นในปี 2567 ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้นและคาดว่าผ่านจุดต่ำสุดในปี 2566 ก่อนจะปรับดีขึ้นในปีหน้า
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลง อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังทรงตัวในระดับสูง มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
คณะกรรมการประเมินว่าเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงด้านต่ำลดลง ตามแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจหลักรวมถึงจีนที่ปรับดีขึ้น
ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนมีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวเศรษบกิจ
ฐานะการเงินของผู้ปรระกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนยังเปราะบางและอ่อนไหวต่อค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น เห็นควรให้ปรับโครงสร้างหนี้ต่อเนื่อง และควรมีมาตรการเฉพาะจุดในการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง
ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายลดลง ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนปรับสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการสิ้นสุดมาตรการปรับลดอัตราเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน แต่ปริมาณสินเชื่อและการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ยังขยายตัว
อัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเทียบเงินบาทกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ปรับค่าแข็งขึ้น
ตามการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในอัตราที่ชะลอลงและการผ่นคลายมาตรการการเดินทางของจีนที่จะส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวไทย เห็นควรให้ติดตามพัฒนาการในตลาดเงินและความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด
ที่มา – ธนาคารแห่งประเทศไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา