LinkedIn เป็น Social Network ของคนทำงาน การใช้งานหลักคือ สร้าง Profile เกี่ยวกับการทำงาน ดังนั้นจึงเหมาะมากที่จะเอาไว้สำหรับค้นหา คนที่จะมาร่วมงาน ทีนี้ลองมาดูกันว่าจากข้อมูลใน LinkedIn บริษัทไหนบ้างในโลกที่คนอยากทำงานด้วย
การวัดผลบริษัทระดับท็อปที่คนสนใจ จะวัดจากการกระทำของสมาชิก LinkedIn หลายล้านรายใน 3 ประเด็น คือ ความสนใจงานในบริษัท, ความสนใจแบรนด์และพนักงานของบริษัท และ การรักษาพนักงานไว้ (ผลสำรวจนี้ไม่รวม LinkedIn และ Microsoft นะ) ลองมาดูกันว่ามี Top 10 มีบริษัทอะไรบ้าง
1. Alphabet (หรือ Google นั่นเอง)
ใครที่อยากทำงานเพื่อให้บริการคนทั้งโลก เป็นการคิดค้นเรื่องราวใหม่ๆ อย่างตอนนี้ คือ การพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ
Alphabet มีพนักงานทั่วโลก 72,000 คน มากกว่า 27,100 คน ทำด้านวิจัยและพัฒนา และใช้งบไป 13.9 พันล้านดอลลาร์ จึงไม่ต้องสงสัยว่าจะมีบริการใหม่ๆ ออกมา เช่น Google Home อย่างต่อเนื่อง
2. Amazon
กล่าวได้ว่า Amazon คือผู้เปลี่ยนแปลงระบบการซื้อขายของทั่วโลกให้ไปอยู่บนออนไลน์ และยังมีนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การส่งของผ่านโดรนในอังกฤษ ให้บริการวิดีโอในอินเดีย หรือการเปิดสโตร์ในอเมริกา
Amazon มีพนักงาน 341,400 ส่วนใหญ่ทำงานกับ Amazon (ไม่ใช่ร้านกาแฟ) จะรู้สึกเหมือนทำงานกับ startup เพราะจะมีการทดสอบ ทดลองบริการใหม่อยู่เสมอ เรียกว่าไม่กลัวล้มเหลว เพราะนั่นหมายถึงการเรียนรู้ที่มากขึ้นด้วย
3. Facebook
ไม่น่าแปลกใจเลยสำหรับ 3 อันดับแรก Facebook เชื่อว่างานใหญ่คือ การเชื่อมต่อคนทั้งโลก และงานนั้นเพิ่งเสร็จไปแค่ 1% เท่านั้น นั่นทำให้มีอะไรให้ทำที่นี่ตลอด
Facebook มีพนักงาน 17,000 คน การจะทำงานที่น่าต้องมีพลังที่จะค้นหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อจะได้รู้จักโลกมากขึ้น ถือว่าเป็นหัวใจของการทำงานที่นี่ และถ้ารู้แล้ว ก็ต้องแสดงมันออกมาด้วย
4. Uber
startup ระดับ unicorn ที่มีมูลค่าประมาณ 68 พันล้านดอลลาร์ และแม้ว่าล่าสุดจะมีประเด็นเกี่ยวกับผู้บริหารภายในที่หายหน้าไปหลายคน แต่ด้วยความน่าสนใจและมูลค่าของบริษัท ก็ยังดึงดูดให้หลายคนอยากไปทำงานด้วยอยู่ดี
Uber มีพนักงาน 12,000 คนทั่วโลก เรื่องราวของ Uber ที่น่าติดตามคือ นี่เป็นบริการที่ไม่ถูกกฎหมายในหลายประเทศ (รวมถึงประเทศไทยด้วย) แต่เป็นบริการที่ถูกใจผู้ใช้ เพราะมาแก้ปัญหาหลายส่วน
5. Apple
เป็นไปได้ยากมากที่ Apple จะไม่ติด Top5 นี่คือบริษัทที่ออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั่วโลก และยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เช่น HomePod ซึ่งจะเพิ่มการใช้งานบริการของ Apple ได้อีกเป็นเท่าตัวใน 4 ปีข้างหน้า
Apple มีพนักงาน 110,000 คน โดยมี 67,000 คนทำงานในสโตร์ทั้ง 463 สาขาทั่วโลก แม้ว่าจะไม่ใช่ฝ่ายเทคนิค แต่พนักงานทุกคนยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่นเดียวกัน
6. Salesforce
บริษัทนี้คนไทยอาจจะไม่คุ้นนัก แต่นี่คือหนึ่งในระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) บน Cloud ที่ได้รับความนิยมที่สุด มีการผสมผสานระบบ AI เพื่อช่วยให้บริการลูกค้าได้ถูกต้องและแม่นยำ
Salesforce มีพนักงาน 25,000 คนทั่วโลก วัฒนธรรมองค์กรเน้นความเป็นครอบครัว แต่กระนั้น นี่คือระบบ CRM ที่หลายองค์กรใหญ่ในไทยก็ใช้งาน
7. McKinsey & Company
บริษัทที่ปรึกษาระดับโลกที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากธุรกิจการแพทย์
ถึงค้าปลีก McKinsey มีพนักงานที่พร้อมให้คำปรึกษาทุกรูปแบบ ไม่ว่าลูกค้าอยู่ที่ไหน พร้อมไปให้บริการ
McKinsey มีพนักงาน 25,000 คน สำหรับในประเทศไทยบริการลักษณะนี้อาจจะไม่คุ้นเคย แต่ในยุคที่ต้องการเปลี่ยนแปลงองค์กรใหม่ การทำ Digital Transformation บางครั้งการมีที่ปรึกษาก็ช่วยได้เยอะ
8. LVMH
แบรนด์ผลิตภัณฑ์หรูหราไฮโซจำนวนมากอยู่ภายใต้บริษัทจากฝรั่งเศสนี้ เช่น Louis Vuitton, Christian Dior, TAG Heuer, Hennessy, Bulgari, Givenchy และอีกหลายแบรนด์ จึงไม่แปลกใจถ้าใครจะอยากได้เข้ามาทำงานที่นี่
LVMH มีพนักงาน 135,000 คน และไม่น่าเชื่อว่า ด้วยการบริหารจัดการแบรนด์ผลิตภัณฑ์จำนวนมาก 75% ของพนักงานได้รับการโปรโมทภายใน
9. L’Oreal
L’Oreal เป็นราชินีแห่งเครื่องสำอางค์ที่มีอยู่ 36 แบรนด์ จำหน่ายใน 140 ประเทศ ปีที่ผ่านมาทำยอดขายได้ 28.6 พันล้านดอลลาร์ เป็นอันดับ 1 ของโลก
L’Oreal มีพนักงาน 83,000 คน สำหรับคนที่ยังเรียนอยู่หรือว่าบัณฑิตจบใหม่ ที่นี่ยินดีต้อนรับ เพราะ 30% ที่มีการจ้างงาน คือ คนที่เพิ่งจบการศึกษา
10. Dell Technologies
Dell รู้จักกันดีในนามบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ ปีที่ผ่านมา Dell ได้เข้าซื้อกิจการสตอเรจของ EMC มูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ Dell กลายเป็นผู้นำบริษัทไอทีของโลกไปในทันที
Dell Technologies มีพนักงาน 145,000 คน ความน่าสนใจคือ ถ้าคุณอยากทำงานอยู่บ้าน แจ้งมาได้เลย เพราะ Dell มีแผนที่จะให้พนักงานประมาณครึ่งหนึ่งทำงานผ่านโปรแกรม Connected Workplace ในปี 2020 อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้
source : LinkedIn
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา