หากจะให้พูดถึงตลาดเครื่องปรับอากาศบ้านเรา คงต้องยอมรับกันด้วยความตรงไปตรงมาว่ามีการแข่งขันกันสูงไม่แพ้ตลาดเครื่องปรับอากาศชนิดอื่น ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีภูมิอากาศหนักไปทางร้อนชื้น เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงทำให้สภาพอากาศร้อนตลอดทั้งปี อีกทั้งหากมีพายุ ก็ทำให้เกิดฝนตกนอกฤดูได้
Mitsubishi Heavy Duty เล็งเห็นถึงปัจจัยเรื่องความไม่คงที่ของสภาวะอากาศ ในปี 2017 นี้จึงมีเป้าหมายที่จะเดินหน้ากับการตลาดในธุรกิจเครื่องปรับอากาศอย่างเต็มสูบ เน้นชูจุดเด่นของสินค้าอย่าง ‘ความคงทน’ มาเป็นจุดดึงดูดบริโภค เนื่องจากเครื่องปรับอากาศของมิตูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ มีระบบการทำงานด้วยระบบกระจายอากาศแบบ Jet Flow ที่ทำงานในลักษณะเดียวกับเครื่องบินเจ็ท และระบบ Hi Power ที่ทำความเย็นสูงสุด 15 นาที ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนักเกินในช่วงที่มีอุณหภูมิสูงหรืออากาศร้อนจัด
นอกจากนี้มิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ ยังใส่ใจในเสียงของลูกค้า นำเอาความคิดเห็นต่างๆ มาพัฒนาให้แบรนด์สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ด้วยสินค้าที่มีคุณภาพและความเป็นหนึ่งด้านงานบริการที่แบรนด์ใส่ใจขนาดนี้ แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า ‘เพราะอะไร’ มิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ จึงเป็นแบรนด์เครื่องปรับอากาศอันดับหนึ่งที่คนไทยส่วนใหญ่จำภาพได้เมื่อนึกถึงเครื่องปรับอากาศคุณภาพดีที่ทนทาน นานจนเรียกได้ว่าใช้กันตั้งแต่แต่งงาน ยันลูกเรียนจบปริญญาเหมือนกับวิดีโอโฆษณาของมิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ ตัวนี้ที่เสนอภาพบอกเล่าเรื่องราวของความทนทานได้อย่างชัดเจน
Mitsubishi Heavy Duty ดูแลทั้งผู้ใช้ และพนักงาน
ภีระภาพ กาญจนชัยภูมิ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Mitsubishi Heavy Duty บอกว่า คุณภาพของแอร์คือ สามารถทำความเย็นได้ถึงใจ และรวดเร็วทันต่อความต้องการ ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของ Mitsubishi Heavy Duty อยู่แล้ว แต่เพื่อให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น จึงมีการปรับกลยุทธ์ โดยเพิ่มศักยภาพของช่องทางจำหน่ายและพนักงานให้มากขึ้น
“ก่อนจะดูแลลูกค้าได้ดี ต้องดูแลพนักงานให้ดีด้วย ครั้งนี้มีการใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นกว่า 30% เพื่อพัฒนาศักยภาพของพนักงานติดตั้งซ่อมบำรุงแอร์ทั่วประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐานที่เหนือกว่า”
เพราะรู้ว่า แอร์ กลายเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญในบ้าน บางบ้าน หรือบางคอนโด ถ้าแอร์เสียและไม่ได้รับการซ่อมที่ทันเวลา เจ้าของบ้านอาจจะอาศัยอยู่ด้วยความยากลำบาก การพัฒนาบุคลากรและพนักงานทั่วประเทศ ออกมาเพื่อตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ
สร้างความเชื่อมั่น ด้วยพนักงานกว่า 5,000 คน
การอบรมพนักงานของ Mitsubishi Heavy Duty ในปีที่ผ่านมา มีพนักงานกว่า 2,500 คนทั่วประเทศพร้อมให้บริการทั้งติดตั้งและซ่อมบำรุง และในปีนี้ได้เพิ่มเครือข่ายการอบรมให้ได้มากกว่า 5,000 คนทั่วประเทศ เพราะรู้ดีว่า การพัฒนาคน คือส่วนสำคัญที่จะให้บริการผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ Mitsubishi Heavy Duty พร้อมด้วยการรับประกัน 5 ปี สำหรับคอมเพรสเซอร์ และอะไหล่ทุกชิ้น
จากข้อมูลที่กล่าวมาเบื้องต้น ทำให้เห็นว่าในปีนี้จะเป็นปีที่เอาจริงของมิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้ ที่เหลือก็ต้องมาคอยติดตามกันว่าในฤดูฝนนี้ตลาดเครื่องปรับอากาศจะมีท่าทีไปในทิศทางไหน และแบรนด์จะมีการปรับตัวอย่างไร บอกได้เลยว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจและน่าศึกษาอย่างแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา