กระแสที่หุ่นยนต์จะเข้ามาทำงานแทนเรา จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการพูดถึงมาระยะหนึ่งแล้ว ย้อนไปในอดีตเครื่องจักรก็เคยเข้ามาทำงานแทนคน แต่คนก็เคยมั่นใจว่า มีงานอีกหลายอย่างที่หุ่นยนต์ไม่น่าจะมาแทนที่ได้
กระทั่งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ คอมพิวเตอร์สามารถเล่นโกะชนะคนมือ 1 ของโลกได้ และเริ่มทำงานหลายๆ อย่างที่เราไม่คิดว่าจะทำได้ แม้แต่การเขียนนิยาย และอีกหลากหลายงาน เช่น รถยนต์ไร้คนขับ, เครื่องบินไร้คนขับ, ระบบตรวรจสอบคนเข้าเมือง และอีกหลากหลายงาน
อะไรจะเป็นงานต่อไปที่หุ่นยนต์จะมาแทนที่
คำถามที่หลายคนอยากรู้ มีนักวิทยาศาสตร์ 2 คน คือ Mubashar Iqba และ Dimitar Raykov ทำการวิจัยถึงเรื่องนี้ พบว่าในปี 2033 ตำแหน่งงานประมาณ 47% ในสหรัฐอเมริกาจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์
จากการวิจัย ได้พัฒนาระบบคำนวณเพื่อให้คนทั่วไปเข้าไปกรอกอาชีพของตัวเองเพื่อดูว่ามีโอกาสที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์กี่เปอร์เซ็น ที่ https://willrobotstakemyjob.com/ (แม้จะเป็นที่อเมริกา แต่ลองเล่นดูก็ไม่เสียหาย แค่กรอกอาชีพลงไปเป็นภาษาอังกฤษ)
ถ้าคุณเป็น นักข่าว (กรอกคำว่า Journalist, Reporter) จะพบว่าอาชีพนี้มีความเสี่ยงที่หุ่นยนต์จะมาแทนที่ 11% หมายความว่ามีโอกาสที่หุ่นยนต์จะมาแทนที่ได้น้อย แต่การเติบโตในสายงานนี้ ติดลบ (-9%)
ลองเป็นพนักงานเก็บเงินบ้าง กรอกคำว่า Cashiers ลงไป พบว่าอาชีพนี้มีโอกาสถูกทดแทนด้วยหุ่นยนต์ 97% ซึ่งในต่างประเทศเริ่มมีร้านค้าที่ผู้ซื้อต้องบริการตัวเองในหลายรูปแบบ รวมถึงการซื้อของออนไลน์ แน่นอนว่าประเทศไทยเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
สำหรับในอเมริกา อาชีพที่น่าเป็นห่วงมาก คือ คนขับรถบรรทุก คาดว่าปัจจุบันมีคนทำอาชีพนี้ประมาณ 1.8 ล้านคน มีความเสี่ยง 79% แม้ว่าอาชีพจะยังมีความต้องการอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะได้งาน เพราะต่อไปรถจะขับได้ด้วยตัวมันเอง
ตัวเลขจากงานวิจัยครั้งนี้ อาจไม่สามารถชี้วัดดัชนีการหางานในประเทศไทยได้ แต่เชื่อว่าจะสามารถเทียบเคียงได้ไม่ห่างไกลกันมากนัก (อาจจะขยับจำนวนปีออกไป) แต่อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เตือนให้ทุกคนรู้ว่า อาชีพของตัวเองอาจไม่ปลอดภัยในอนาคต
source: Fortune
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา