Apple ดีเลย์แผนเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับไปเป็นปี 2026 และลดเป้าหมายที่ทะเยอทะยานของโปรเจ็กต์นี้ลงหลังเจอข้อจำกัดหลายด้าน Bloomberg รายงาน
Apple เตรียมดีเลย์แผนที่จะปล่อยรถยนต์ไร้คนขับไปเป็นปี 2026 และลดเป้าหมายที่ทะเยอทะยานของโปรเจ็กต์นี้ลง หลังพบความท้าทายทางเศรษฐกิจและข้อจำกัดเชิงเทคโนโลยี จากการรายงานของ Bloomberg ที่อ้างอิงแหล่งข่าวที่มีความใกล้ชิดประเด็นนี้
Project Titan โปรเจ็กต์พัฒนารถยนต์ไร้คนขับของ Apple ที่ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2014 ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายอย่างในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยผู้บริหารระดับสูงต้องพบความจริงที่ว่า วิสัยทัศน์ที่จะสร้างรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบที่ไม่มีทั้งพวงมาลัยหรือคันเร่งยังเป็นไปไม่ได้ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ โปรเจ็กต์ดังกล่าวยังต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงบุคลากรระดับสูงอยู่หลายครั้ง ปัจจุบัน Kevin Lynch รองประธานสายเทคโนโลยีของ Apple คือหัวหน้าโปรเจ็กต์ โดยเขามีมุมมองที่เน้นเป้าหมายในทางปฏิบัติมากขึ้น หลังจากเผชิญกับการเปลี่ยนเป้าหมายไปมาและการเลย์ออฟหลายครั้งก่อนหน้านี้
เดิมที Apple มีเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 5 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดที่ยังไม่มีค่ายรถไหนเคยไปถึง ระบบระดับ 5 คือระบบที่ไม่ต้องการมนุษย์เข้ามาขับอีกต่อไป ทั้งยังตัดคันเร่งและทุกอย่างที่ควบคุมโดยมนุษย์ออก โดยปัจจุบัน Tesla ซึ่งเป็นผู้นำในยานยนต์ยุคใหม่ก็ยังอยู่ในระดับ 2 เท่านั้น
แหล่งข่าวบอกกับ Bloomberg ว่า ด้วยข้อจำกัดที่ต้องพบเจอทำให้ Apple จำต้องลดความทะเยอทะยานในโครงการนี้ลง โดยจะตั้งเป้าที่จะผลิตรถที่ยังคงมีพวงมาลัยและคันเร่ง แถมจะเปิดให้ใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบได้เฉพาะบนทางหลวงเท่านั้น
นอกจากนี้ Apple ยังดีเลย์กำหนดการปล่อยรถยนต์ใต้ร่มธงของตัวเองออกมาอีกด้วย เดิมที ในช่วงปลายปี 2020 บริษัท Apple ประกาศว่าจะผลิตให้ได้ภายในปี 2024 และต่อมา Kevin Lynch ก็เลื่อนกำหนดการออกไปเป็นปี 2025 ก่อนที่ล่าสุด Bloomberg จะได้รับรายงานว่าแผนนี้จะเลื่อนออกไปเป็นปี 2026
จากรายงานดังกล่าว Bloomberg จึงตั้งประเด็นว่า โปรเจ็กต์รถยนต์ไร้คนขับซึ่งทาง Apple หมายมั่นปั้นมือให้เป็นสินค้าทำเงินตัวใหม่อยู่หลายปี น่าจะเป็นตัวท้าทายขีดจำกัดของบริษัท โดยความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความท้าทายที่ Apple ต้องเผชิญในการผลักดันผลิตภัณฑ์ใหม่
หลังจาก Bloomberg รายงานเรื่องนี้ไม่นาน ตลาดก็ตอบรับข่าวดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของ Apple ก็ร่วงลงราว 2% ทั้งนี้ ราคาหุ้นของบริษัทร่วงลงมาแล้วกว่า 19% ในปี 2022 ซึ่งถือว่ายังดีกว่าบริษัทเทคโนโลยีส่วนใหญ่ในตลาด Nasdaq ที่ร่วงลงมาเฉลี่ยเกิน 30%
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา