- เอส โคล่า ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดปีนี้แตะ 11% จากปัจจุบัน 10.4% ยึดเก้าอี้อันดับ 3 ต่อไปอีกปี
- กลยุทธ์สำคัญคือ การรวมพลังกับบริษัทในเครือไทยเบฟ คือ ไทยดริ้งค์, ไทยเบฟ, โออิชิ กรุ๊ป และเสริมสุข เพื่อสร้าง Brand Love
- ปีนี้ลุยเกือบ 20 แคมเปญตลอดปี กระตุ้นยอด พร้อมเปิดน้ำดำรสชาติใหม่ โคเรียน ออเร้นจน์ โคล่า จับตลาดวัยรุ่น
ตลาดรวมน้ำอัดลมในประเทศไทยปี 2559 คาดการณ์มีมูลค่ากว่า 51,000 ล้านบาท แบ่งเป็นน้ำดำ 70% และน้ำสี 30% เดิมเคยเป็นการต่อสู้กันของ 2 รายใหญ่คือ โคคา-โคลา หรือ โค๊ก และ เป๊ปซี่ และเมื่อมี เอส โคล่า และบิ๊ก โคล่า เกิดขึ้น ทำให้การแข่งขันสนุกสนานขึ้น มีสีสันและมิติใหม่ๆ
วิเวก ชาห์บรา กรรมการผู้อำนวยการ และ เจษฎากร โคชส์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ตลาดน้ำอัดลม (CSD) มีมูลค่า 51,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6% มีปริมาณการบริโภคที่ 2,000 ล้านลิตรต่อปี ซึ่ง เอส โคล่า มีส่วนแบ่งตลาด 10.4% เป็นอันดับ 3 ในตลาด ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ และมีเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโต ซึ่งทางไทยดริ้งค์ ได้ทำการสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จ 4 ประการ พบว่า เอส โคล่า อยู่ในทิศทางที่ดี
- อัตราการดื่มเป็นประจำ เติบโตขึ้นจาก 39 เป็น 51% คือการดื่มแบบ Regular Consumption เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสร้างการเติบโต
- รสชาติอร่อย 37 เพิ่มเป็น 49% หมายความว่า ผู้บริโภคชื่นชอบรสชาติของเอส โคล่า มากขึ้น
- เป็นแบรนด์สำหรับฉัน 21 เพิ่มเป็น 44% คือรู้สึกว่า แบรนด์เอส โคล่า เป็นแบรนด์ที่เหมาะกับฉัน แสดงถึงการยอมรับมากขึ้น
- ความสดชื่น 42 เพิ่มเป็น 61% นี่คือหัวใจของน้ำอัดลม คือ ดื่มแล้วสร้างความสดชื่นให้กับผู้บริโภค
ทั้ง 4 ปัจจัย จะเป็นตัวสร้าง Brand Love ให้เกิดขึ้นกับ เอส โคล่า และเมื่อรวมกับการร่วมมือในเครือ ได้แก่ ไทยดริ้งค์, ไทยเบฟ, โออิชิกรุ๊ป และเสริมสุข เชื่อว่าในอนาคต เอส โคล่า จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย และทำให้การบุกตลาดอาเซียนเป็นไปได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งได้เริ่มต้นไปแล้วบางประเทศโดยมีเป้าหมายจะไปให้ครบทุกที่ ทั้ง ลาว, มาเลเซีย, กัมพูชา, พม่า, เวียดนาม, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
ครึ่งปีแรกจัดกิจกรรมหนักต่อเนื่อง เชื่อครบทั้งปีเกือบ 20 แคมเปญ
เอส โคล่า ใช้งบกว่า 300 ล้านบาท ส่ง 3 หมัดเด็ดรุกตลาดที่จะพาเหรดกันมารับไตรมาส 3 ประกอบด้วย หมัดเด็ด ที่ 1) กลยุทธ์ Happening จับกระแสเทรนด์ต่างๆ และนำมาต่อยอดเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับแคมเปญการตลาดของ เอส โดยดึงบอยแบนด์เกาหลี “GOT7” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เสริมแบรนด์อิมเมจเสิร์ฟความซ่าซี้ดมัดใจวัยทีน พร้อมปูพรมสร้างการรับรู้ตลาดส่งออก 2) เปิดตัวบรรจุภัณฑ์ใหม่ลาย GOT7 ทุกขนาดเอาใจแฟนคลับให้สะสม และ 3) เปิดประสบการณ์ความแตกต่างครั้งล่าสุดด้วยนวัตกรรมโคล่ารสชาติใหม่
ก่อนหน้านี้มีการเปิดตัวน้ำสีรสชาติใหม่ Grapeberry สีม่วง ได้รับการตอบรับดีมาก จากปกติที่ผู้บริโภคจะไม่เปิดรับน้ำรสชาติใหม่ๆ (เดิมมี น้ำส้ม, น้ำแดง, น้ำเขียว และน้ำเลมอนไลม์ เท่านั้น) นอกนั้นมีแคมเปญด้าน Sport Marketing เริ่มตั้งแต่ การแข่งขันฟุตบอลยูโร2016 ต่อด้วย การแข่งขันวอลเลย์บอลทีมชาติ แล้วต่อด้วยแคมเปญใหญ่ช่วง Summer เรียกว่าทุกแคมเปญโดนใจผู้บริโภค และนี่คือปัจจัยหลักที่ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ เอส โคล่า ขยับขึ้นมาเกือบ 1% ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
โคเรียน ออเร้นจน์ โคล่า น้องใหม่วางแผงยาวไป
แคมเปญที่ทำร่วมกับ GOT7 บอยแบรนด์จากเกาหลีจะมาพร้อมกับการเปิดตัวน้ำดำรสชาติใหม่ ในชื่อ เอส โคเรียน ออเร้นจน์ โคล่า ซึ่ง เอส ได้ทำการสำรวจแล้วพบว่า คนไทยกับ ส้ม เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว ถ้าเปิดโคล่าแล้วได้กลิ่นส้ม เพิ่มความสดชื่อให้มากขึ้น น่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และจากการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างพบว่า 97% ชื่นชอบ โคเรียน ออเร้นจ์ โคล่า นี่จึงเป็นน้ำดำรสชาติใหม่ ที่จะวางขายแบบถาวร
ช่วงแรกเชื่อว่าคนจะซื้อเพื่อทดลอง จะกระตุ้นยอดขายในระยะสั้นได้ดีมาก จากนั้นคาดว่า โคเรียน ออเร้นจ์ โคล่า จะสร้างยอดขายเป็นสัดส่วนอยู่ที่ 2% จากส่วนแบ่งตลาด 11% ของเอส โคล่า
สรุป
กลยุทธ์สำคัญของเอส โคล่า คือ การผสานร่วมมือกับบริษัทในเครือ ทั้งไทยเบฟ ไทยดริ้งค์ โออิชิกรุ๊ป และเสริมสุข เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยากในการสร้างส่วนแบ่งตลาดให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสายส่ง ที่จะใช้เจาะเข้าไปในร้านค้าต่างๆ และร้านอาหาร ซึ่งเอส โคล่า มีการใช้ระบบ Pre-Sale เข้ามาช่วยบริหารจัดการ โดยมีทีมงานไปเก็บข้อมูลการสั่งซื้อล่วงหน้า เพื่อให้จัดส่งเอส โคล่า ไปถึงได้เพียงพอ ไม่ต้องสต็อกสินค้ามาก ถือว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ดี
ส่วนน้ำดำรสชาติใหม่ โคเรียน ออเร้นจ์ โคล่า อาจได้รับความสนใจมากในช่วงแรก เป็นการทดลองสินค้าใหม่ แต่ในระยะยาว ยังเชื่อว่า โคล่า รสชาติดั้งเดิมยังคงติดปากและติดใจผู้บริโภคมากกว่า ต้องรอดูว่า โคเรียน ออเร้นจ์ โคล่า จะสร้างยอดขายได้สักเท่าไร
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา