Music Marketing แบบเดิมๆ ที่หลายคนรู้จักคือ การทำดนตรีประกอบ, การทำมิวสิควิดีโอ, การไทอินสินค้า หรือแม้แต่การจัดคอนเสิร์ต ซึ่งเป็นรูปแบบการทำตลาดที่เน้นความแมส (Mass) แต่ยากที่จะวัดผลว่าประสบผลหรือไม่ จึงเกิดคำถามว่า Music Marketing จะทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง และถามต่ออีกว่า ทำอย่างไรจึงจะได้ประโญชน์กันทั้งอุตสาหกรรม!
ภาวิต จิตกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ GMM Music บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) จึงเกิดไอเดียใหม่ขึ้นว่า Music Marketing ต้องไม่ใช่แค่การจ้างทำเพลง หรือจ้างร้องเพลง แต่ต้องลงลึกในรายละเอียด ใช้ข้อมูล หรือ Data เข้ามาประกอบ และที่สำคัญทดลองได้ ไม่ต้องใช้งบประมาณเยอะ เรียกได้ว่าเปลี่ยน Landscape ของการทำ Music Marketing ไปจากเดิม
เพราะเพลงหรือดนตรี เป็น “คอนเทนต์” ที่อยู่กับคนตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงหลับ จึงเป็นโอกาสทั้งกับศิลปิน ค่ายเพลง แบรนด์สินค้า และผู้บริโภคไปพร้อมกัน
6 ปัจจัยดัน Music Marketing ยุคใหม่ให้ดีกว่าเดิม
ภาวิต บอกว่า Music Marketing แบบใหม่ คือการทำงานร่วมกับ Data เป็นหลัก ซึ่งอยากให้แบรนด์ต่างๆ ปรับวิธีคิด และลองพิจารณา 6 ปัจจัยแนวทางต่อไปนี้ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยสามารถทดลองด้วยงบประมาณ 5-10% ของงบการตลาดได้
- สินค้าและศิลปิน ต้องมี DNA ที่ตรงกัน จากเดิมจะใช้ศิลปินจะเน้นไปที่ศิลปินที่ดังที่สุด ค่าตัวก็จะแพง และหวังให้คนที่ติดตามศิลปินนั้นมาสนใจแบรนด์สินค้า แต่แนวคิดใหม่คือ ศิลปินไม่จำเป็นต้องดังที่สุด แต่ต้องมี DNA ที่ตรงกันและเข้ากันได้กับสินค้า เช่น ศิลปินเลี้ยงแมว รักแมว ก็จะเหมาะกับสินค้าอาหารแมว เป็นต้น วิธีการนี้จะทำให้ได้การสื่อสารที่จริงใจและตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย
- ศิลปินช่วยขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ แบรนด์ไม่จำเป็นต้องใช้ศิลปินแค่คนเดียว เพราะผู้บริโภคมีความหลากหลายและแตกต่างกัน ถ้าสินค้าเจาะผู้บริโภคได้หลากหลาย ทำไมต้องใช้ศิลปินแค่คนเดียว ก็ใช้ศิลปินหลายคนเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันได้เช่นกัน เพราะ Fan Base Marketing ช่วยสร้างธุรกิจได้
- Online ได้ก็ On ground ได้ ทำไมต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อทั้งออนไลน์และออนกราวด์สามารถทำควบคู่ไปด้วยกันได้ เพราะผู้บริโภคสะดวกแบบออนไลน์ แต่ก็ต้องการประสบการณ์แบบออนกราวด์ ได้เจอ ได้สัมผัส ได้ใกล้ชิด ดังนั้นทำให้ครบ
- เป็นได้ทั้งเพลงและศิลปินที่หลากหลาย Music Marketing แบบใหม่จะมาครบทุกมิติ ไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นตัวศิลปิน และยังเป็น Influencer ให้กับแบรนด์สินค้าได้ด้วย
- ทำได้ตั้งแต่ Awarness ถึงปิดการขาย ศิลปินก็สามารถช่วยขายของได้ ไม่ใช่แค่โลโก้ ไม่ใช่แค่ร้องเพลง แต่ช่วยปิดการขายได้เช่นกัน
- สื่อสารได้ถูกที่ ถูกเวลา ด้วย Big Data จากข้อมูล Fan Base
ดังนั้น ต่อไปการทำ Music Marketing ไม่จำกัดว่าต้องเป็นแบรนด์ Alcohol, รถยนต์, ท่องเที่ยว แต่ทุกอุตสาหกรรมสามารถมาลองใช้ได้ เริ่มทดลองได้จากงบประมาณน้อยๆ ก่อนได้
GMM Grammy มีครบที่สุด
ภาวิต บอกว่า ปัจจุบันค่ายเพลงที่ทำเรื่องของเพลงและดนตรีมายาวนานที่สุดในไทย คือ GMM Grammy และมีการเก็บข้อมูลทั้งศิลปินและผู้ฟังมาโดยตลอด ดังนั้นนี่คือข้อได้เปรียบหากแบรนด์สินค้าต้องการใช้กลยุทธ์ Music Marketing มาดูปัจจัยที่ GMM Grammy เหมาะจะเป็น Partner Music Marketing
- มีประสบการณ์ด้านเพลงและดนตรีมาตลอด 38 ปี ทำมาอย่างต่อเนื่อง เข้าใจการลองผิดลองถูก เข้าใจวิธีที่จะล้มเหลว และวิธีที่จะสำเร็จ ดังนั้นแบรนด์สินค้า สามารถมั่นใจได้ว่าจะทำ Music Marketing ออกมาได้ตรงความต้องการ
- มีทีมงานที่เชี่ยวชาญและแข็งแกร่งในทุกมิติของด้าน Music สามารถให้คำปรึกษา สร้างสรรค์ ผลิต จัดการ เผยแพร่ได้อย่างถูกที่ ถูกเวลา และสามารถวัดผลได้ด้วย
- โมเดลธุรกิจแบบ One Stop Music Marketing มาที่เดียวทำได้ทั้งหมด ด้วยงบประมาณที่ไม่สูง ขอแค่แบรนด์บอกได้ว่า ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร GMM Music สามารถตอบคำถามที่เหลือให้ได้
- มีความหลากหลายของศิลปินให้เลือก มีครบทุกตลาด ทุกกลุ่มอายุ ทุกความสนใจ ไม่ใช่แค่เพลง แต่รวมถึงตัวตนของศิลปินด้วย
- มีความพร้อมเรื่อง Music Social มากที่สุด ครบทุกแพลตฟอร์ม Joox, Spotify, YouTube, Facebook, Instagram, TikTok ทำอะไรที่ไหนได้ทั้งหมด
- สามารถจัด Event, Concert, Music Festival ใหญ่ที่สุด มากที่สุด ครอบคลุมพื้นที่ที่สุด ทุกภาคทั่วประเทศ
- สำคัญที่สุดคือ มี Deep Big Data ครบทุก Insight ของศิลปินและผู้บริโภค
แบรนด์ที่สนใจ เริ่มต้นอย่างไร
แบรนด์ที่อยากทำ Music Marketing ให้มีประสิทธิภาพ ต้องรู้ก่อนว่า ผู้บริโภคมีความหลากหลายแตกต่าง และ Music Marketing เป็นตัวเลือกหนึ่งที่สามารถเข้าไปตอบความต้องการเหล่านั้นได้ จากนั้นต้องรู้ว่าจุดเด่นของสินค้าและบริการของตัวเองคืออะไร และกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าถึงคือใคร ปิดท้ายคือ มีงบประมาณที่ชัดเจน
“งบประมาณไม่ต้องมาก มาทดลองได้ แต่ขอให้ชัดเจน จากนั้นถ้ารู้ว่าสินค้าหรือบริการคืออะไร จะจับตลาดไหน ที่เหลือมาคุยกับ GMM Music ได้ พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำ จัดการ เผยแพร่ ไปจนถึงวัดผล ซึ่งด้วยงบการตลาด 5-10% ก็สามารถสร้างยอดขายให้โตได้”
สิ่งสำคัญไม่ใช่เลือกศิลปินที่ดังที่สุด แต่ต้องเลือกศิลปินที่ถูกต้อง ทำคอนเทนต์ที่ถูกต้อง ปล่อยในช่องทางและเวลาที่ถูกต้อง ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องด้วยเช่นกัน
ภาวิต ปิดท้ายว่า การทำ Music Marketing แบบใหม่นี้ GMM Music พร้อมเป็นพันธมิตรกับทุกคน โดยเฉพาะค่ายเพลงอื่นๆ สามารถมาร่วมมือกันได้ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งศิลปิน ค่ายเพลง แบรนด์สินค้าและผู้บริโภค
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา