Mirror กระจกวิเศษที่ช่วยแนะนำ และตรวจจับค่าต่าง ๆ ในการออกกำลังกายที่มี Lululemon แบรนด์อุปกรณ์กีฬาระดับโลกเป็นเจ้าของ กำลังตกอยู่ในวิกฤต
เพราะล่าสุด Mirror ถูก Nike ฟ้องร้องว่าละเมิดสิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีออกกำลังกายของบริษัท เช่น การตรวจจับค่าต่าง ๆ ขณะออกกำลังกาย และการแข่งขันออกกำลังกายกับผู้อื่นในระบบ
เทคโนโลยีดังกล่าวมีให้บริการแพร่หลายในแอปพลิเคชัน และบริการแนะนำออกกำลังกายออนไลน์ชั้นนำ แต่ทำไม Nike ถึงฟ้อง Mirror รายเดียว และการทำแบบนี้จะเขย่าตลาดเทคโนโลยีออกกำลังกายแค่ไหน
Nike กับการฟ้องร้อง Lululemon
Nike ยักษ์ใหญ่ในโลกอุปกรณ์กีฬา ฟ้องร้อง Lululemon Athletica ผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาแบรนด์รอง และเจ้าของ Mirror Home Gym หรือ Mirror บริการกระจกวิเศษที่ช่วยแนะนำ และตรวจจับค่าต่าง ๆ จากการออกกำลังกาย เพราะละเมิดสิทธิบัตรทางเทคโนโลยี
สำหรับการฟ้องร้องครั้งนี้ Nike ชี้แจงว่า Mirror ละเมิดสิทธิบัตรทางเทคโนโลยีออกกำลังกาย 6 เรื่อง เช่นการตรวจจับค่าต่าง ๆ ขณะออกกำลังกาย, การเปิดให้ผู้ใช้สามารถออกกำลังกายแข่งขันกับผู้อื่นในระบบ รวมถึงการบันทึกค่าการออกกำลังกายต่าง ๆ
การฟ้องร้องครั้งนี้ยังครอบคลุมถึงแอปพลิเคชัน และบริการออกกำลังกายอื่น ๆ ที่ Lululemon เป็นเจ้าของ เพราะมีการใช้สิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน เบื้องต้น Nike ต้องการเรียกค่าเสียหายเป็นมูลค่า 3 เท่าจากการละเมิดครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงการเยียวยาในด้านอื่น
Lululemon ไม่ยอม เพราะมองว่าเหตุผลมันกว้างไป
ด้าน Lululemon ยินดีที่จะไปสู้กันศาล พร้อมมั่นใจในสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง ที่สำคัญยังมองว่า สิทธิบัตรที่ Nike ใช้ฟ้องร้องนั้นครอบคลุมกว้างจนเกินไป และบังคับใช้กับบริษัทไม่ได้ โดยเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2021 ทาง Lululemon เคยส่งจดหมายไปทาง Nike แล้วว่า เคารพในสิทธิบัตรของ Nike เสมอมา
Lululemon ซื้อกิจการ Mirror เมื่อเดือน ก.ค. 2020 ด้วยมูลค่า 453 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการทำตลาดอุปกรณ์ออกกำลังกาย และตอบโจทย์ลูกค้าได้มากกว่าเดิม โดยปัจจุบัน Mirror มีราคาเริ่มต้นที่ 1,195 ดอลลาร์สหรัฐ จะได้ตัวกระจกอย่างเดียว และต้องสมัครค่าสมาชิกใช้งานอีกเดือนละ 39 ดอลลาร์
จุดเด่นของ Mirror คือการประยุกต์การใช้งานที่เหมือนเอากระจกในสตูดิโอออกกำลังกายมาติดตั้งไว้ในบ้าน โดยกระจกบานนี้สามารถแสดงข้อมูล และสอนผู้ใช้ออกกำลังกายท่าต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งใช้เป็นของตกแต่งบ้านได้ แตกต่างกับผู้ให้บริการรายอื่นที่มักจะมีเพียงวีดีโอสอน และการเก็บข้อมูลออกกำลังกายเท่านั้น
ถ้า Nike ชนะ บรรทัดฐานใหม่เกิดขึ้นแน่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตลาดแอปพลิเคชัน และบริการออกกำลังกายออนไลน์ ผู้เล่นเกือบทุกรายจะมีระบบเก็บข้อมูลการออกกำลังกาย, การเปิดให้แข่งขันกับผู้อื่นในระบบ และการวิเคราะห์ข้อมูลการออกกำลังกายในแต่ละครั้ง ดังนั้นหาก Nike ชนะการฟ้องร้องการละเมิดสิทธิบัตรดังกล่าว อาจสร้างผลกระทบกับผู้เล่นในตลาดทันที
ไล่ตั้งแต่ Garmin, Fitbit หรือ Smartwatch ของ Apple และ Samsung เพราะแอปพลิเคชันของแบรนด์เหล่านี้สามารถทำสิ่งที่ Nike ฟ้องร้องได้ ซึ่งอยู่ที่ว่าแต่ละแบรนด์นั้นจะเข้าข่ายละเมิดสิทธิบัตรทางเทคโนโลยีของ Nike และ Nike จะฟ้องร้องบริษัทเหล่านี้หรือไม่
ทั้งนี้ Lululemon คาดการณ์ยอดขายของ Mirror ในปีปฏิทินนี้ที่ 125-130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนเริ่มแพร่กระจายในสหรัฐอเมริกา ส่วน Nike มีแอปพลิเคชัน Nike Run Club กับ Nike Training Club ช่วยแนะนำ และวิเคราะห์ข้อมูลการออกกำลังกายแบบต่าง ๆ
สรุป
ความเห็นส่วนตัวมองว่า การเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลออกกำลังกาย รวมถึงการเปิดให้ผู้ใช้แข่งออกกำลังกายกับผู้ใช้คนอื่น คือหน้าที่เบื้องต้นของแอปพลิเคชันออกกำลังกาย ดังนั้นทุกแอปฯ ควรจะทำได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม Nike อาจเห็นว่า Mirror ไปใช้สิทธิบัตรทางเทคโนโลยีของบริษัทจริง จนมั่นใจว่าผิด และฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในที่สุด
อ้างอิง // Reuters
อ่านข่าวเกี่ยวกับธุรกิจ และเทคโนโลยีการออกกำลังกายเพิ่มเติมที่นี่น
- สู้ต่อ! Fitness First ประกาศให้เช่าอุปกรณ์ออกกำลังกาย เริ่มต้น 1,500 บาท/เดือน
- วิกฤต Peloton จากผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมออกกำลังกาย สู่การเรียกคืนลู่วิ่งไฟฟ้านับแสนเครื่อง
- Mizuno ส่ง Mizuno Healthy Interior อุปกรณ์ออกกำลังกายที่ปรับเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา