ถ้าลดให้คันละ 1 แสนบาทจะซื้อไหม? ถอดสมการ หากรัฐฯ ลดราคา รถยนต์ไฟฟ้า เท่า รถคันแรก

รถยนต์ไฟฟ้า

นโยบายสนับสนุน รถยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทยไกล้คลอดแล้ว แต่รายละเอียดว่าจะช่วยผู้บริโภคให้ซื้อได้ง่ายขึ้นแค่ไหน หรือฝั่งผู้ผลิตจะได้รับการสนับสนุนอย่างไร ยังไม่มีความชัดเจนนัก

Brand Inside จึงอยากชวนผู้อ่านมาลองคิดไปด้วยกันด้วยสมมติฐานง่าย ๆ ว่า ถ้านโยบายดังกล่าวช่วยลดราคาให้ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดที่ 1 แสนบาท เหมือนกับรถยนต์คันแรกเมื่อปี 2554 จะเป็นอย่างไร

1 แสนบาท จูงใจเพียงพอหรือไม่ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (คันใหญ่ นั่งได้จริงเกิน 4 คน) ราคามากกว่า 9.5 แสนบาท และมาตรการนี้จะทำรถยนต์ไฟฟ้าไม่เป็นของเล่นคนรวยอีกต่อไปหรือไม่ ลองมาวิเคราะห์ไปด้วยกัน

สถานการณ์ รถยนต์ไฟฟ้า ตอนนี้

อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกพบว่า ข้อมูลการจดทะเบียน รย.1 หรือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่ใช้ไฟฟ้าอย่างเดียวเป็นเชื้อเพลิง (ในบทความนี้ขอเรียกว่า รถยนต์ไฟฟ้าล้วน) หากนับถึงเดือน พ.ย. 2564 จะมีทั้งหมด 3,859 คัน ถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับจำนวน รย.1 ที่จดทะเบียนรวมทั้งหมด 10.82 ล้านคัน

แม้จะน้อย แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ การจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่นนับถึงสิ้นปี 2562 มีรถยนต์ไฟฟ้าล้วนจดทะเบียนรวมทั้งหมด 802 คัน และในปี 2563 เพิ่มเป็น 2,079 คัน เพราะค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต่าง ๆ เริ่มทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งฝั่งแบรนด์หรู และแบรนด์ตลาดที่มี Nissan กับ MG เป็นผู้นำ

อย่างไรก็ตามหากตรวจสอบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่จำหน่ายในประเทศไทยจะพบว่า รถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่นั่งได้ 4 คนจริง ๆ มีราคาเริ่มต้นมากกว่า 9.5 แสนบาท เช่น MG EP ราคา 9.88 แสนบาท หรือแบรนด์ที่พึ่งเปิดตัวในปีนี้ ORA Good Cat ของ Great Wall Motor ราคา 9.89 แสนบาท

คนละอารมณ์กับรถคันแรก

เมื่อรู้สภาพตลาดคร่าว ๆ แล้ว ลองมาเข้าสมมติฐานว่า ถ้านโยบายสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยคือการลดราคาให้ 1 แสนบาท ยังไม่ต้องไปคิดเรื่องการลดภาษีสรรพสามิต, ภาษีนำเข้า และอื่น ๆ จะช่วยให้ประชาชนครอบครองรถยนต์ไฟฟ้าได้แค่ไหน และจะเปรี้ยงเท่านโยบายรถคันแรกเมื่อหลายปีก่อนหรือไม่

ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนมองว่า หากลดราคาเพียง 1 แสนบาท อาจไม่จูงในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเท่าไรนัก เพราะจากราคาข้างต้นที่ค่อนข้างสูง และตัวต่ำล้านมีเพียง 2 รุ่นให้เลือก ซึ่งในอนาคตยังไม่มีใครรู้ว่าจะมีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าล้วนราคาต่ำล้านเข้ามาอีกหรือไม่ และและจะมีแบรนด์ตลาดรายใดผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยบ้าง

หากลดราคาลง 1 แสนบาท รถยนต์ไฟฟ้าทั้งสองรุ่นจะเหลือราคาราว 8.8 แสนบาท ซึ่งยังสูงกว่ารถยนต์ในโครงการรถคันแรก ที่ตอนนั้นรถเก๋งขนาดเล็ก หรือ B-Segment จะมีราคาสูงสุดราว 7.5 แสนบาท หากลดราคาลงมาจะอยู่ที่ 6.5 แสนบาท ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่ายขึ้นในการซื้อ

volvo
Volvo XC40 Recharge P8 AWD

คนรวยได้ประโยชน์กว่า

ในทางกลับกัน รถยนต์ไฟฟ้าล้วนของแบรนด์หรูที่จำหน่ายอยู่หลากหลายรุ่น เช่น BMW พึ่งเปิดตัว iX และ iX3 ราคา 5.99 กับ 3.39 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วน Volvo มี XC40 Pure Electric ราคา 2.59 ล้านบาท และ Audi ที่นำโดยรุ่น e-tron ราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป

หากได้รับส่วนลด 1 แสนบาทเช่นกัน คงจูงใจผู้ซื้อรถได้ไม่มากก็น้อย เพราะส่วนใหญ่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบรนด์หรู จะมีธงมาจากบ้านว่าต้องการรถยนต์ไฟฟ้า และเตรียมเงินพร้อมจ่ายอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าได้ส่วนลด 1 แสนบาท ย่อมทำให้พวกเขาตัดสินใจง่ายขึ้น เพราะอยู่ ๆ ก็มีส่วนลดมาให้

ประกอบกับแบรนด์หรูต่าง ๆ มีแผนทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ค่อนข้างชัดเจน เช่น Mercedes-Benz แม้จะยังไม่ขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในไทย แต่มีการลงทุนพัฒนาโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทยแล้ว ทำให้แบรนด์หรูค่อนข้างได้ประโยชน์หากมีการลดราคา 1 แสนบาทจริง ๆ

เปรี้ยงหรือไม่อยู่ที่ความพร้อม

อย่างไรก็ตาม หากการลดราคา 1 แสนบาทเกิดขึ้นจริง แต่มีเพียงปัจจัยเดียวในการจูงใจ การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างแพร่หลายคงเกิดขึ้นยาก เพราะต่างกับโครงการรถคันแรกที่คืนภาษีกลับมา 1 แสนบาท แต่โครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ เช่น ถนน, สถานีบริการน้ำมัน และสภาพเศรษฐกิจค่อนข้างพร้อม

แต่ฝั่งรถยนต์ไฟฟ้า สถานีชาร์จ และเทคโนโลยีชาร์จเร็วคืออีกตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจ เพราะถ้าลดราคา 1 แสนบาทจริง แต่ขับขี่ได้อย่างไม่สะดวกสบาย การส่งเสริมให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายก็เกิดขึ้นยาก

ดังนั้นหากมีโครงการลดราคา 1 แสนบาทในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเหมือนที่ทำไว้กับรถคันแรก ไม่ใช่แค่ส่วนลดเท่านั้นที่จะกระตุ้นให้เกิดการจับจ่าย แต่รัฐบาล และบริษัทเอกชน ต้องเตรียมความพร้อมในแง่มุมต่าง ๆ ของการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อจูงใจด้วย

อ้างอิง // กรมการขนส่งทางบก

อ่านข่าวเกี่ยวกับรถยนต์ และรถยนต์ไฟฟ้าได้ที่นี่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา