EV มาแน่ ขนาดบริษัทน้ำมันยังออกมายืนยัน พร้อมหาพลังงานสะอาดสร้างโอกาสเติบโต

รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle) มาเร็วกว่าที่หลายคนคาดไว้มาก และหนึ่งในผู้เสียหายจากเรื่องนี้ก็คงไม่พ้นบริษัทน้ำมันที่ปกติแล้วรายส่วนใหญ่ก็มาจากการขุดน้ำมันเพื่อขายให้กับรถยนต์ทั่วไป

ภาพ pixabay.com

พลังงานสะอาดคือทางออก

หากบริษัทพลังงาน โดยเฉพาะกับธุรกิจน้ำมัน หากไม่ปรับตัวก็คงเติบโตอย่างยั่งยืนหลังจากนี้ได้ยาก เพราะโอกาสที่ EV จะขึ้นมามีบทบาทในอุตสาหกรรมรถยนต์นั้นเร็วกว่าที่หลายคนคิดไว้ และยิ่งต้นทุนทางเทคโนโลยี เช่นแบตเตอร์รี่ก็อาจมีราคาที่ถูกลงกว่าครึ่งหนึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

Joel Couse Chief Energy Economist ของ Total เบอร์สี่ในธุรกิจพลังงานของโลก มองว่า ภายในสิบปีข้างหน้า ยอดขาย EV น่าจะมีสัดส่วนถึง 30% เมื่อเทียบกับการขายรถใหม่ทั่วโลก ที่สำคัญรถเหล่านี้ยังมีประสิทธิภาพ และราคาเทียบเท่ากับรถเครื่องยนต์สันดาบที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง

“เมื่อใช้งานไฟฟ้าแทนได้ ผู้บริโภคก็ไม่มีเหตุผลในการกลับมาใช้งานน้ำมัน ดังนั้นความต้องการใช้งานน้ำมันตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไปอาจไม่เติบโต หรือแย่ที่สุดคือมีความต้องการหดตัว ดังนั้นการหาทางออกให้กับธุรกิจ เช่นพลังงานสะอาดก็เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อรักษาการเติบโตเอาไว้”

และไม่ใช่แค่ Total เพราะ Shell รวมถึงบริษัทพลังงานรายอื่นๆ ก็มองเรื่องนี้ และหาวิธีการนำพลังงานสะอาดมาสร้างให้ธุรกิจยั่งยืนเช่นกัน โดยปัจจุบันยอดขาย EV ทั่วโลกคิดเป็น 1% ของทั้งหมด มีผู้นำตลาดคือ Tesla แต่หลังจากนี้น่าจะมีคู่แข่งมากขึ้น เพราะค่ายรถยนต์ต่างๆ ก็หันมาพัฒนาเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และวาง EV เป็นสินค้าหลัก

สรุป

EV ไม่ใช่อนาคต แต่คืดเรื่องที่ผู้บริโภค, ผู้ผลิตรถยนต์ และบริษัทพลังงาน ต้องเดินหน้าไปด้วยกัน หากใครตกขบวนนี้ โอกาสที่จะหายไปจากอุตสาหกรรมก็สูง เพราะพลังงานสะอาดคือเรื่องที่จำเป็นในยุคนี้ และหากพลังงานสะอาดมีประสิทธิภาพเทียบกับพลังงานที่ปล่อยสารพิษออกมา ใครล่ะจะอยากกลับไปใช้

อ้างอิง // Bloomberg

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา