ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสมาคมธนาคารไทยชี้แจงเมื่อ 19 กรณีการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตลูกค้า หลังจากมิจฉาชีพสุ่มข้อมูลบัตรและนำไปสวมรอยทำธุรกรรมระหว่าง 1-17 ตุลาคม 2564 มีบัตรของธนาคารจำนวน 10,700 ใบทำธุรกรรมราว 130 ล้านบาท ล่าสุด แบงก์ชาติและสมาคมธนาคารไทยชี้แจงเพิ่มเติม ดังนี้
เรื่องแรก ศุกร์ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารได้คืนเงินให้ลูกค้าบัตรเดบิตที่ได้รับความเสียหายในกรณีข้างต้นครบทุกรายแล้ว ในส่วนของบัตรเครดิตได้ดำเนินการตั้งพัก เร่งตรวจสอบและยกเลิกรายการ โดยลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติและไม่มีการคิดดอกเบี้ย
เรื่องที่สอง ธนาคารได้ยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนเรียบร้อยแล้ว ดังนี้
- ตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติให้ครอบคลุมธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำและที่มีความถี่สูง
- ติดตามเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ
- แจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการตั้งแต่รายการแรก
- ประชาสัมพันธ์วิธีการป้องกันความเสี่ยง เช่น ปรับวงเงินในบัตรให้เหมาะสมกับการใช้จ่าย หลีกเลี่ยงการผูกบัตรกับเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่ไม่น่าไว้ใจ ทำให้ปริมาณธุรกรรมผิดปกติในลักษณะดังกล่าวลดลงมาก ธนาคารจะติดต่อสอบถามลูกค้าเพิ่มเติมกรณีพบรายการที่ต้องสงสัย
หากพบความเสียหายเพิ่มเติมจากกรณีข้างต้น ลูกค้าบัตรเดบิตจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทยยังได้หารือเพื่อผลักดันให้ผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรทุกราย กำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการบังคับใช้การยืนยันตัวตนก่อนทำรายการชำระเงินกับบัตรเดบิตสำหรับทุกร้านค้าออนไลน์ โดยเฉพาะร้านค้าในต่างประเทศ
เช่น การใช้ระบบการยืนยันตัวตนของเครือข่ายบัตร ที่ให้ลูกค้าหรือผู้ซื้อต้องยืนยันตัวตนโดยใส่เลข OTP ก่อนร้านค้าทำการัดบัญชี ซึ่งเป็นการดูแลความปลอดภัยที่เข้มกว่ามาตรฐานสากลที่เครือข่ายบัตรกำหนดไว้ รวมทั้งพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการความเสี่ยงในการทำธุรกรรมของลูกค้า โดยนำเทคโนโลยีใหม่มาสนับสนุนการจัดการใช้ป้องกันและตรวจจับภัยคุกคามทางการเงินในรูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ที่มา – ธนาคารแห่งประเทศไทย
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา