ขณะที่ Ford เตรียมยกพวงมาลัยออกจากรถไร้คนขับ Mazda-Porsche กลับเชื่อในสัญชาตญาณมนุษย์มากกว่า

รถยนต์ไร้คนขับ หรือ Autonomous Vehicle คือเรื่องที่ผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายต่างเร่งลงทุนวิจัย และพัฒนา เพราะเป็นเรื่องอนาคตที่มาแน่ๆ แต่เมื่อรถยนต์มันขับเคลื่อนได้เอง แล้วมนุษย์ยังจำเป็นต้องคุมพวงมาลัยอยู่ไหมล่ะ

Ford เตรียมถอดพวงมาลัยออกในอีก 4 ปี

มุมมองของ Ford แบรนด์รถยนต์เก่าแก่จากสหรัฐอเมริกา กับรถยนต์ไร้คนขับนั้นไปในทางที่สุดโต่ง เพราะหลังจากลองทดลองให้วิศวกรนั่งรถยนต์ไร้คนขับ และพบว่าวิศวกรคนนั้นระแวงการขับเคลื่อนของสมองกลภายในรถมาก เช่นเตรียมพร้อมจับพวงมาลัยตลอดเวลา รวมถึงมองไปโดยรอบ แทนที่จะเป็นผู้โดยสารที่มีความสุข และนั่งทำอะไรก็ได้ระหว่างทาง

ดังนั้นค่ายรถยนต์จากสหรัฐอเมริการายนี้จึงตัดสินใจยกพวงมาลัย, แป้นเบรก และคันเร่ง ออกจากรถยนต์ไร้คนขับคันแรกของบริษัทที่เตรียมจำหน่ายในปี 2564 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสาร และขจัดความระแวดระวังต่างๆ ออกไป ผ่านการให้ผู้โดยสารโฟกัสกับกิจกรรมอื่นๆ ระหว่างเดินทาง เช่นพูดคุยกับผู้โดยสารด้วยกันเป็นต้น

ภาพ pixabay.com

Mazda-Porsche คงความสนุกในการขับขี่

ในทางกลับกัน Mazda ค่ายรถยนต์แบรนด์รองจากญี่ปุ่น มองว่า รถยนต์ไร้คนขับคืออนาคต แต่เรื่องสมรรถภาพในการขับขี่ โดยเฉพาะเรื่อง Feeling หลังพวงมาลัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ดังนั้นการออกแบบรถยนต์หลังจากนี้คงไม่ขับขี่อัตโนมัติสุดโต่ง และคงฐานแฟนคลับเอาไว้ให้ได้มากที่สุด แม้จะมีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ที่น้อยเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น แต่เป็นน้อยที่มีคุณภาพ

เหมือนกับ Porsche แบรนด์รถสปอร์ตสัญชาติเยอรมัน ที่มองเรื่องสมรรถนะ และความสนุกในการขับขี่หลังพวงมาลัยเช่นกัน พร้อมกับย้ำว่า พัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Cruise Control หรือ Break Assist ซึ่งรถยนต์ของบริษัทเกือบทุกรุ่นก็ติดตั้งระบบนี้เพื่อความปลอดภัย และไม่ได้รบกวนความสนุกในการขับขี่

สรุป

แม้ทุกแบรนด์จะหันมาพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ แต่มุมมองของแต่ละแบรนด์กลับต่างกัน เช่นมองว่าระบบสมองกลสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง ดังนั้นมนุษย์อย่ามายุ่ง หรือบางแบรนด์ก็ยังคงไว้เรื่องความสนุกในการขับขี่ ดังนั้นคงต้องดูกันยาวๆ ว่าความคิดแบบไหนจะเป็นที่นิยมมากกว่า รวมถึงเรื่องกฎหมายที่ยังไม่รองรับรถยนต์ไร้คนขับในหลากหลายประเทศด้วย

อ้างอิง // Bloomberg

 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา