สิงคโปร์ปรับคาดการณ์ GDP เติบโตในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 อยู่ที่ 1.3% จากที่ก่อนหน้านี้คาดว่าอยู่ที่ 0.2% โดยรัฐบาลสิงคโปร์ระบุว่า สิงคโปร์ยังสามารถรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ได้ดีอยู่ที่ 4% ถึง 6% แม้ว่าจะมีโควิด-19 ระบาดเพิ่มขึ้นทั้งในสิงคโปร์และในต่างประเทศก็ตาม ถือว่าสิงคโปร์สามารถรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ดี แม้มีความไม่แน่นอนจากโควิดระบาดเพิ่มขึ้น
จากข้อมูลที่เปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า พบว่า ภาคการผลิตเติบโตอยู่ที่ 10.7% จากปีก่อนหน้า การส่งออกของประเทศที่ในประเทศที่ไม่ใช่น้ำมันเติบโตสูงขึ้น 9.7% เศรษฐกิจขับเคลื่อนโดยภาคการผลิตมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลบวกให้ในไตรมาสแรก GDP เติบโตดีขึ้น หลังจากที่ปีที่ผ่านมาหดตัวอยู่ที่ 5.4% ซึ่งย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่สิงคโปร์เป็นเอกราช
รายงานจาก MTI ระบุว่าปัจจัยที่เป็นสภาพแวดล้อมภายนอกของสิงคโปร์ดีขึ้นนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีโควิด-19 ระบาดอย่างต่อเนื่องและดิสรัปกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ก็ตาม ถือว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์โตมากกว่าที่คาดการณ์ และคาดว่าจะเห็นการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ด้านกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระบุว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวในปีดีไปพร้อมๆ กับเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัวหลังจากที่มีการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคการผลิตนั้นคาดว่าจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม เนื่องจากมีความต้องการจากตลาดในส่วนของ 5G และยานยนต์สูงขึ้นอย่างมาก
ปัจจุบันมีการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วเอเชีย เรื่องนี้มีส่วนส่งผลกระทบต่อสิงคโปร์อยู่บ้าง เนื่องจากภาคการก่อสร้างที่มีสัดส่วนอยู่ 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ เมื่อโควิดระบาดทำให้บรรยากาศค่อนข้างซบเซาอยู่บ้าง เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้ต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติจากประเทศในเอเชียใต้ การระบาดของโควิด-19 อย่างหนักในอินเดีย ทำให้สิงคโปร์ต้องระงับการเข้าพรมแดนจากนักเดินทางระยะสั้นและผู้ที่ถือบัตรสำหรับพักระยะยาวที่มาจากอินเดีย มาตรการจำกัดนี้ขยายไปยังบังคลาเทศและประเทศอื่นๆ ในเอเชียใต้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ขาดแคลนแรงงานเนื่องจากต้องทำตามมาตรการความปลอดภัยที่กำหนด
สิงคโปร์มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีคลัสเตอร์ใหญ่จากสนามบินชางงีและโรงพยาบาล ทำให้กลางเดือนพฤษภาคมต้องมีมาตรการให้ซื้ออาหารจากร้านอาหารแบบนำกลับบ้านและส่งแบบเดลิเวอรี่เท่านั้น แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในสิงคโปร์จะน้อยมากถ้าเทียบกับอินเดียหรือในญี่ปุ่น แต่มาตรการที่เป็นข้อจำกัดดังกล่าวก็ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจเช่นกัน โดยรวมแล้วถือว่าสิงคโปร์ควบคุมโรคระบาดได้ดี ไม่มีปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการเติบโตของ GDP ในปีนี้
ในเรื่องการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 สิงคโปร์ฉีดวัคซีนสมบูรณ์ทั้ง 2 โดสแล้วราว 1.4 ล้านคนหรือประมาณ 1 ใน 4 ของจำนวนประชากร โดยกระทรวงสาธารณสุขเตรียมฉีดวัคซีนให้กับคนที่มาอยู่ในสิงคโปร์แบบถูกกฎหมายทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ด้วยวัคซีนของ Pfizer-BioNTech และ Moderna โดยสิงคโปร์เปลี่ยนกลยุทธ์ในการฉีดวัคซีน ให้เว้นระยะระหว่างโดสแรกกับโดสที่สองห่างกันราว 8 สัปดาห์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้คนได้ฉีดวัคซีนโดสแรกได้เร็วขึ้น
ภาพรวมเศรษฐกิจสิงคโปร์โดยเฉพาะเรื่องตลาดงานค่อนข้างน่าเป็นห่วงในไตรมาสสองแต่ไม่น่าย่ำแย่เท่ากับปีที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันภายในประเทศแสดงให้เห็นว่ามีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและคาดว่าน่าจะคงความยืดหยุ่นได้ เพราะความต้องการในส่วนของเซมิคอนดัคเตอร์ เครื่องมือการผลิตและส่วนประกอบของยายังมีความต้องการสูง
ตัวเลขล่าสุดจาก JHU ระบุว่า สิงคโปร์มีคนติดเชื้อโควิดสะสม 61,860 คน เสียชีวิต 32 คน ฉีดวัคซีนรวม 3,407,068 คน (ในที่นี้ นับรวมคนฉีดวัคซีนโดสแรกโดสเดียวและคนที่ฉีดแล้วทั้ง 2 โดส)*
- สิงคโปร์ยืนยัน วัคซีนต้านโควิดคือความสำคัญอันดับแรกของประเทศ
- สิงคโปร์อนุมัติเครื่องตรวจลมหายใจ BreFence เช็คโควิด-19 รู้ผลเร็วใน 1 นาที
ที่มา – Nikkei Asia, CNA, JHU
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา