โดย บรรณรงค์ พิชญากร
กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานกิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง
รูปแบบของการออมเงิน ผ่านกองทุนรวมมีค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่า กองทุนรวมที่มีจำนวนคนนิยมลงทุนมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นกองทุนรวมตราสารหนี้ เพราะเป็นกองทุนรวมที่มีผลตอบแทนแบบค่อยเป็นค่อยไป มูลค่าเงินต้นไม่เหวี่ยงไปมารุนแรงให้ต้องเป็นกังวลนัก แต่สำหรับนักลงทุนที่ต้องการแสวงหาผลตอบแทนอย่างจริงจังแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะเน้นการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารทุน ซึ่งการลงทุนในตราสารทุนที่นักลงทุนทั่วไปควรพิจารณาเริ่มลงทุนก่อนเป็นอันดับแรก คือ กองทุนรวมประเภท RMF, LTF, SSF ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่สามารถนำมูลค่าการลงทุนในแต่ละปีมาใช้หักภาษีรายได้บุคคลธรรมดาได้ เพราะภาครัฐต้องการส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักการออมในตลาดทุน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นเราจึงเห็นจำนวนนักลงทุนที่ลงทุนในลักษณะนี้มาก เพราะเป็นการลงทุนขั้นพื้นฐานที่ควรทำ และแน่นอนว่ามักเป็นการลงทุนในหุ้นไทยที่เราคุ้นเคยเป็นส่วนใหญ่
การที่โลกมีความเข้าใกล้กันได้มากขึ้น ด้วยอินเทอร์เน็ตที่ทำให้ข่าวสารสื่อไปมาได้อย่างรวดเร็ว เราได้เห็นข่าวสาร บทความ คลิปวิดีโอ จากสื่อมวลชนหรือกระทั่งเพจต่างๆ ตามโซเชียลมีเดียได้พูดถึงกิจการในต่างประเทศและตลาดทุนในต่างประเทศกันมากขึ้นจนแทบจะเป็นเรื่องปกติ เพราะหลายสิ่งที่เราบริโภคกันอยู่ทุกวันนี้ ก็มักจะมีส่วนที่มาจากกิจการเหล่านั้นทั้งสิ้น ไม่ว่าเป็น โทรศัพท์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า บริการ แอปพลิเคชันต่างๆ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ทำให้ความรู้ความเข้าใจของนักลงทุนต่อสภาวะการลงทุนได้ขยับขยายไม่จำกัดเพียงการลงทุนหุ้นในประเทศ แต่ได้ขยายไปสู่การลงทุนในหุ้นต่างประเทศด้วย ที่หลักทรัพย์บัวหลวงเราจึงเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ล่าสุด ในปี 2020 ที่มีการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และรวมถึงเม็ดเงินที่ลงทุนที่เติบโตขึ้นสูงจนแซงกองทุนรวมประเภทอื่นไปแล้วด้วย โดยกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนมากที่สุดจะเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ในกลุ่มธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
แน่นอนว่า หุ้นในกลุ่มธุรกิจเหล่านี้หาแทบไม่ได้ในบ้านเรา ดังนั้นกองทุนรวมที่เน้นเกาะกระแสหุ้นที่มีการเติบโต ทางนี้จึงเป็นทางเลือกที่นักลงทุนให้ความสนใจ นอกจากนี้เรายังเห็นการลงทุนไปสู่ในกองทุนรวมที่เน้นการลงทุนในต่างประเทศแบบเจาะเป็นรายประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงด้วย เช่น เวียดนาม จีน และสหรัฐอเมริกา และแน่นอนว่า ผลตอบแทนในช่วงปีที่ผ่านก็เป็นที่น่าประทับใจ ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการเติบโตของธุรกิจของหุ้นเหล่านั้นจะทำให้เม็ดเงินลงทุนในปีนี้ก็ยังเพิ่มเข้าสู่กองทุนรวมต่างประเทศเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
ปรากฏการณ์นี้ทำให้เห็นว่า ณ ตอนนี้โลกแคบขึ้นทุกวัน นอกจากเราใช้บริการ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จากกิจการชั้นนำต่างๆ ระดับโลกแล้ว และยิ่งเมื่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกยังเอื้ออำนวยต่อธุรกิจเหล่านั้นด้วย ยิ่งทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนออกมาเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งเราเองสามารถก้าวข้ามพรมแดนไปเป็นผู้มีส่วนเป็นเจ้าของในกิจการเหล่านั้นได้ง่ายๆ โดยลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศอย่างที่เห็น ซึ่งเริ่มต้นก็ทำได้ด้วยเงินไม่กี่บาท และแถมซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตได้ง่ายๆ ด้วย และการเริ่มกระจายลงทุนผ่านกองทุนรวมแบบนี้จะทำให้เป็นการเปิดโลกทัศน์ของเราเองด้วยว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศเขาเปลี่ยนไปในทิศทางอย่างไร ดังนั้นถึงเวลาที่ทุกท่านที่แสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุน แต่ยังไม่เคยเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดทุนต่างประเทศควรต้องพิจารณาทางเลือกการลงทุนแบบนี้แล้วครับ
เพราะตอนนี้ Global Become Normal สำหรับโลกการลงทุนไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพิสูจน์ด้วยความนิยมของการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่เรากล่าวข้างต้น เพราะเป็นวิธีการที่เข้าถึงได้ง่าย โดยมีคนบริหารจัดการลงทุนให้ และสำหรับท่านที่สนใจลงทุนและยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ผมแนะนำให้ติดตามงานวิเคราะห์การลงทุนในกองทุนรวม โดยของหลักทรัพย์บัวหลวงก็มีรายงานที่ชื่อว่า “BLS Top Funds” ที่อัปเดตสถานการณ์ลงทุนและคัดเลือกกองทุนที่น่าสนใจทุกรายสัปดาห์ เพื่อให้ท่านติดตามศึกษาหาความรู้ก่อนการลงทุนได้ง่ายๆ ครับ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา