แม้จะมีการลงนามจับมือกันอย่างดีกับประเทศไทยเพื่อร่วมมือทางด้านการลงทุน แต่ล่าสุด Alibaba กับรัฐบาลมาเลเซีย เพิ่งทำข้อตกลงเรื่องการให้กลุ่มธุรกิจ Alibaba เข้าไปตั้งศูนย์บริการขนส่ง และคลังสินค้าในมาเลเซีย
การลงนามนี้จะทำให้ e-Commerce ในจีนกับมาเลเซียต่อสายตรงหากันแนบสนิท มากกว่านั้น ถ้ามองตามยุทธศาสตร์แล้ว การร่วมมือครั้งนี้ Alibaba จะใช้มาเลเซียเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั่นเอง
ความสัมพันธ์ที่เบ่งบาน กระจายสินค้าผ่านเขตการค้าเสรีดิจิทัล
นับเป็นการลงทุนครั้งแรกของ Alibaba ในมาเลเซีย มองไปยาวๆ การเติบโตของธุรกิจ e-Commerce ในภูมิภาคนี้ต้องหาพื้นที่มากระจายสินค้า โดยศูนย์นี้จะตั้งอยู่ในเขต KLIA Aeropolis เป็นโครงการเมืองท่าอากาศยาน ที่อยู่รอบสนามบินกัวลาลัมเปอร์ คาดการณ์ว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,580 ล้านดอลลาร์
ด้วยการร่วมมือกันของ Alibaba โดย Jack Ma กับ Najib Razak นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะสร้างพื้นที่ที่เรียกว่า DIGITAL FREE TRADE ZONE (DFTZ) “เขตการค้าเสรีดิจิทัล” หมายความว่าจะกลายเป็นเขตปลอดภาษีดิจิทัล ทำให้มาเลเซียกลายเป็นแหล่งกระจายสินค้าของสินค้า e-Commerce ของจีนและของภูมิภาคนี้
หลังจากปีที่ผ่านมา Alibaba ได้ประเดิมเข้าสิงคโปร์ผ่านการซื้อหุ้น Lazada เว็บร้านค้าออนไลน์อันดับ 1 ของภูมิภาคนี้ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 10.2% เป็น 14.4% และรวมถึงการเข้าลงทุนในประเทศไทยผ่าน Ascend Money ของกลุ่มซีพีด้วยการถือหุ้น 20% อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
นายกรัฐมนตรีมาเลเซียบอกว่า “เราวางแผนที่จะพัฒนาเศรษฐกิจมาเลเซียให้เป็นศูนย์กลางของตลาดโลก การจะทำเช่นนี้ได้ เราจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเท่าที่มีอยู่ และให้การสนับสนุนกับกลุ่มบุคคลหรือธุรกิจในการแข่งขันในตลาดดิจิทัลใหม่”
ย้อนกลับไปดูความสัมพันธ์ในปี 2015 จีนได้มีการตกลงซื้อสินทรัพย์และกองทุนของรัฐบาลมาเลเซียกว่า 2,300 ล้านดอลลาร์ รวมไปถึงเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา มาเลเซียยังมีข้อตกลงซื้อเรือรบจีน 4 ลำ และดูเหมือนว่าจะเกิดความร่วมมือในการสร้างพัฒนาระบบรางอีกด้วย
อ้าวเฮ้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า
ถ้าใครที่ตามๆ ข่าวการขยับขยายตัวของ Alibaba ในภูมิภาคนี้ อาจจะต้องร้องออกมาเป็นวลียอดฮิตที่ว่า “อ้าวเฮ้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า” เพราะก่อนหน้านี้ Alibaba เคยคุยกับรัฐบาลไทย แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ไทยอาจยังไม่ชัดเจน เช่น มาตรการเรื่องภาษีและเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ที่ยังไม่มีความชัดเจน
แม้ว่าในด้านภูมิศาสตร์ ประเทศไทยจะได้เปรียบ รวมถึงขนาดตลาดและการเชื่อมต่อไปยังกลุ่มประเทศ CLMV แต่ก็อยู่บนพื้นฐานหลายปัจจัย รวมถึงการมีระบบรางที่ดี แต่มาเลเซียก็มียุทธศาสตร์ที่ดีเช่นกัน เพราะสามารถเชื่อมต่อลงไป อินโดนีเซีย ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน
สรุป
Alibaba ใช้มาเลเซียเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าของภูมิภาคนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจของมาเลเซียจะไม่ค่อยดีนัก ค่าเงินริงกิตที่ตกลง แต่การเลือกมาเลเซียมากกว่าไทย ดูจะมีเรื่องให้รัฐบาลไทยต้องขบคิด และอีกเรื่องที่ลืมไม่ได้คือ Amazon ที่เลื่อนการตั้งศูนย์ e-Commerce ในสิงคโปร์ออกไปเป็นช่วงปลายปี อาจส่งผลให้ Alibaba ครองตลาดภูมิภาคนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง
สำหรับประเทศไทย (ที่ไม่เหมือนที่คุยกันไว้) หลายคนมองว่าหาก Alibaba มาลงทุนในไทยน่าจะเป็นเรื่องดี สิ่งที่ต้องตั้งคำถามคือ ถ้าเกิดขึ้นจริงๆ ใครจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน สินค้าไทยหรือจีนที่จะครองตลาด สินค้าไทยจะไปจีน หรือสินค้าจีนจะมาไทย ดูง่ายๆ ราคาใครถูกกว่ากัน ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วชีวิตทางธุรกิจของ SME ไทยจะเป็นเช่นไร?
อ้างอิง – straitstimes, reuters
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา