- การกระจายวัคซีนทั่วโลกไปได้เร็ว หนุนเศรษฐกิจโลกปีนี้ฟื้นตัวแรง
- อิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรต สหราชอาณาจักร ชิลี และสหรัฐฯ มีการกระจายวัคซีนเทียบกับประชากรรวมสูงสุด 5 อันดับแรกของโลก ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ราว 7% และของไทยอยู่ที่ 0.15% (ณ วันที่ 27 มี.ค. 64)
- ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เร็วเริ่มทยอยเปิดประเทศแล้ว โดยใช้วัคซีนพาสปอร์ตสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทาง
- ตัวแปรการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยขึ้นกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยปีนี้คาด 2.0 ล้านคน
วัคซีน ปัจจัยหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัวแรง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้เร็ว วัคซีนโควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญร่วมกับมาตรการกระตุ้นอื่นๆ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศมองเศรษฐกิจโลกปีนี้ขยายตัว 5.5% หลังจากหดตัว -3.5% ในปีก่อนหน้า
แต่ถ้ามองในระดับประเทศการฟื้นตัวยังเหลื่อมล้ำกันอยู่มาก การฉีดวัคซีนช้าเร็วแตกต่างกัน โครงสร้างเศรษฐกิจพึ่งพาการท่องเที่ยวแตกต่างกัน เม็ดเงินอัดฉีดจากภาครัฐเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจจากความเสียหายที่เกิดขึ้นการสถานการณ์การแพร่ระบาดก็มีขนาดไม่เท่ากัน
เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความโดดเด่นมากที่สุดในแง่ของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนเข้ารับตำแหน่งและมีนโยบายที่ชัดเจนในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด โดยระบุว่าประชากรชาวสหรัฐฯ ที่อายุ 18 ปีขึ้นไปจะได้รับวัคซีนครบภายในเดือน พ.ค. 2564 นี้ ซึ่ง ณ วันที่ 27 มี.ค. มีประชากรสหรัฐฯ ได้รับวัคซีนแล้ว 42% ของประชากรรวม แต่ส่วนที่มีน้ำหนักมากในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่แพ้เรื่องวัคซีน อยู่ที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส และเริ่มใช้แล้ว ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีการปรับการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ สูงขึ้นถึง 6.5% จากเดิมที่มองที่ 4.2%
ฉีดวัคซีนเร็ว เปิดประเทศเร็ว วัคซีนพาสปอร์ตสร้างเชื่อมั่น
วัคซีนพาสปอร์ต เป็นเอกสารรองรับว่าบุคคลนั้นได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดครบจำนวนโดสแล้ว ซึ่งหลายประเทศเริ่มนำระบบวัคซีนพาสปอร์ตมาใช้ ได้แก่ กรีซ ไซปรัส และอิสราเอล ได้มีการทำข้อตกลงร่วมกันในการใช้วัคซีนพาสปอร์ต เพื่อให้ประชาชนผู้ที่ฉีดวัคซีนสามารถเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มให้เดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 64
สหภาพยุโรปยังไม่ได้ข้อสรุปในรายละเอียดของการนำรูปแบบวัคซีนพาสปอร์ตมาใช้ เพราะยังมีเรื่องความไม่เท่าเทียมกันในการเข้าถึงวัคซีน โดยเฉพาะกลุ่มประชากรอายุน้อยที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักที่จะได้รับวัคซีนจะต้องเจอข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ ดังนั้น จึงมีการเสนอรูปแบบ Green Digital Certificate ที่ขยายขอบเขตให้ครอบคลุมทั้งการได้รับวัคซีนครบโดส ไปถึงผลการตรวจหาเชื้อไวรัสที่เป็นลบ หรือคนที่หายป่วยดีแล้วจากการติดเชื้อโควิด ซึ่งได้มีการวางแผนที่จะใช้ในช่วงกลางปีนี้สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป
ไทยดีเดย์ 1 ก.ค. เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ภูเก็ต
สำหรับประเทศไทย แม้ว่าเปอร์เซนต์การฉีดวัคซีนของประชากรไทยยังน้อยอยู่ แต่ภาครัฐเริ่มมีการวางแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนและมีผลตรวจโควิดเป็นลบโดยไม่ต้องกักตัวแล้ว ซึ่งจะมีการนำร่องที่จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก และคาดว่าจะเริ่มวันที่ 1 ก.ค. 2564 ซึ่งในระหว่างก่อนที่จะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวก็จะต้องมีการทยอยฉีดวัคซีนให้ประชากรชาวภูเก็ตให้มีภูมิคุ้มกันก่อน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในยุโรปตอนนี้ยังสาหัส แม้ว่าจะมีการทยอยฉีดวัคซีนไปกว่า 15% ของประชากรแล้ว แต่ยังก็เจอสถานการณ์การแพร่ระบาดหนักจนต้องนำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้เป็นรอบที่ 3 เนื่องจากมีการพบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ประกอบกับการกระจายวัคซีนที่เป็นไปอย่างล่าช้า ดังนั้น ความหวังที่จะให้นักท่องเที่ยวยุโรปเดินทางมาพักผ่อนในไทยยังต้องขึ้นกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในยุโรปในช่วงเวลานั้น รวมถึงเราเองก็จะต้องมีการเร่งกระจายวัคซีนในพื้นที่ให้ทันด้วย
นักท่องเที่ยวต่างชาติ ตัวแปรสำคัญการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย
ส่วนใหญ่ประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจการการแพร่ระบาดหนักจะเป็นประเทศที่พึ่งพิงรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติสูง เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น ไทย เป็นต้น จึงเห็นความพยายามต่างๆ ของภาครัฐที่จะมีมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศฟื้นหลังได้รับผลกระทบหนักมาตลอดในช่วงปีกว่าๆ ที่ผ่านมา
สำหรับประเทศไทยแล้ว ความหวังอยู่ที่ฤดูกาลท่องเที่ยวในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ที่จะมีการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งภาครัฐก็ได้ทยอยปูทางสร้างความเชื่อมั่นตั้งแต่ต้นปี หากการกระจายวัคซีนเป็นไปตามเป้าหมาย แผนนำร่องเปิดประเทศเริ่มที่จังหวัดภูเก็ตลุล่วงไปด้วยดี สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการเปิดประเทศของไทยและสร้างความหวังให้ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยได้เห็นแสงที่ปลายอุโมงค์
แม้ว่าเส้นทางการฟื้นตัวจะไม่เร็ว กว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมา 40 ล้านคนเท่ากับตอนก่อนโควิดระบาดอาจจะต้องใช้เวลาอีกราว 3 ปี แต่การมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาบ้างย่อมทำให้ให้มีเม็ดเงินจากข้างนอกบ้านเข้ามาหมุนเวียนหล่อเลี้ยงให้ธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังประคองตัวอยู่ได้ไม่ทรุดลงไปมากกว่านี้ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จะมีราว 2 ล้านคน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา