ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เหมือนจะได้รับผลกระทบจากโควิดไม่น้อย เพราะกำลังซื้อลดลง การตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโด ต้องชะลอออกไป ทำให้เห็นการทำโปรโมชั่นลดราคา หรือให้อยู่ฟรีออกมาต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจและแบ่งเบาภาระในระยะ 2-3 ปีนี้ อีกหนึ่งแนวทางคือ การทำตลาดให้ชัดเจนโดยการวางคาร์แรกเตอร์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
AssetWise จึงวางแบรนด์ย่อย หรือ Sub Brand และวางคาร์แรกเตอร์ของแบรนด์ต่างๆ ให้ชัดเจน กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) บอกว่า อสังหาฯ หลายๆ เจ้าใช้ทำเล ในการเจาะตลาด เช่น การมีคอนโดอยู่รอบมหาวิทยาลัย คือการจับกลุ่มนักศึกษา การมีคอนโดอยู่ใกล้รถไฟฟ้า คือ จับคนเมืองคนทำงานเดินทางสะดวก แต่เท่านั้นยังไม่พอ ต้องมีคาร์แรกเตอร์ชัดเจน และมี Facility ภายในโครงการที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับ AssetWise มีโครงการ KAVE (เคฟ) เป็นแบรนด์คอนโดใกล้สถานศึกษา (Campus Condo) ที่นอกจากจะใกล้แล้ว ยังออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวก ส่วนกลางให้สอดคล้องกับคนอยู่ เช่น มีห้องร้องคาราโอเกะ ห้องเล่นเกม e-Sports เป็นต้น เพื่อให้นักศึกษาที่อยู่มีกิจกรรมตรงกับความชื่นชอบ ซึ่งนอกจากจะได้กลุ่มผู้ซื้อเป็นนักศึกษาที่จะมาเรียนเป็นเวลา 4 ปีแล้วยังสามารถซื้อไว้ลงทุนได้ด้วย
นักศึกษาใหม่เข้ามาเรียนทุกปี จึงเป็นโอกาสที่ Campus Condo จะมีความต้องการห้องพักเข้ามาใหม่เสมอ ต่อให้อยู่จนครบ 4 ปี เรียนจบแล้วย้ายออกไปก็จะมีนักศึกษาใหม่เข้ามาอีก และข้อดีของคอนโด คือ มีความปลอดภัยมากกว่าหอพักปกติ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า ซึ่งจากการสำรวจพบว่า การลงทุนนี้ ให้ผลตอบแทน (Yield) เฉลี่ย 8-10%
นอกจาก KAVE แล้ว AssetWise ยังมี MODIZ (โมดิซ) คอนโดใกล้รถไฟฟ้าสำหรับคนเมือง เน้นความทันสมัยและเทคโนโลยี กับ ATMOZ (แอทโมซ) คอนโดสไตล์รีสอร์ท เน้น Urban Refresh ส่วนกลางเป็นส่วนและสระน้ำขนาดใหญ่ เรียกว่าทั้ง 3 แบรนด์มีคาร์แรกเตอร์ชัดเจน สิ่งอำนวยความสะดวกภายในก็แตกต่างกัน ทำให้กลุ่มลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น นอกจากทำเลแล้วโครงการก็ชัดเจนด้วย
สำหรับในปี 2564 บริษัทมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 5 โครงการ มูลค่ารวม 6,694 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการ เคฟทาวน์ ชิฟท์ (Kave Town Shift), บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด พัฒนาการ (Baan Puripuri Courtyard – Pattanakarn), เคฟทียู (Kave TU), บ้านภูริปุรี โฮมออฟฟิศ ลาดพร้าว 41 (Baan Puripuri Homeoffice Ladprao 41) และโมดิซ สุขุมวิท 50 (Modiz Sukhumvit 50) และบริษัทฯ วางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 6 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการแนวสูง 5 โครงการ ได้แก่ โครงการ เคฟ ศาลายา (Kave Salaya), โมดิซ ไรห์ม คลาวด์ (Modiz Rhyme Cloud), แอทโมซ บางนา (Atmoz Bangna), เคฟ เอวา (Kave Ava), โมดิซ ศรีราชา (Modiz Sriracha)และโครงการแนวราบ 1 โครงการคือ บ้านภูริปุรี โฮมออฟฟิศ ลาดพร้าว 41 (Baan Puripuri Homeoffice Ladprao 41 รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 10,850 ล้านบาท
ทั้งหมดอยู่ภายใต้ 4 กลยุทธ์ ได้แก่
Facilities for New Lifestyle: คนอยู่บ้านมากขึ้น ต้องให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งในรูปแบบ Co-working space, Library, Meeting Room, Living Lounge
Health Concern: เรื่องสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ จึงสร้าง Health Station จัดเตรียมอุปกรณ์ในการตรวจสุขภาพเบื้องต้นไว้ให้แก่ลูกบ้าน ได้แก่ Tytocare ซึ่งเป็นอุปกรณ์ออนไลน์ที่แพทย์ใช้ตรวจทราบอาการของผู้ป่วยผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างเรียลไทม์ รวมถึง เครื่อง BMI (เครื่องตรวจวัดค่าดัชนีมวลกาย), เครื่อง AED (เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ) และเครื่องวัดความดันชนิดสอดแขน Health Station นับเป็น Facility ใหม่ในวงการ อสังหาริมทรัพย์ และเริ่มนําร่องในโครงการแอทโมซ แจ้งวัฒนะ (Atmoz Chaengwattana), แอทโมซ รัชดา – ห้วยขวาง (Atmoz Ratchada – Huaikwang), เคฟทาวน์ สเปซ (Kave Town Space) และเคฟทาวน์ ชิฟท์ (Kave Town Shift)
Innovation for Living: เน้นเทคโนโลยีในที่พัก ไม่ว่าจะเป็น Bluetooth Sound System เพื่อการฟังเพลงในห้องพัก, พื้นที่สำหรับกิจกรรม e-sports ไปจนถึงการใช้ออนไลน์แอพพลิเคชั่นต่างๆ
Strengthen Sustainability: แอสเซทไวส์ได้จัดทำโครงการหลายอย่างเพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยจัดอบรมการคัดแยกขยะ และการจัดการขยะอันตรายให้แก่นิติบุคคล พนักงาน ลูกบ้าน จัดทำพื้นที่วางถังขยะ และทำเครื่องหมายการคัดแยกทิ้งขยะไว้อย่างชัดเจน
ขณะที่ปี 63 ที่ผ่านมา AssetWise มีผลประกอบการ ทำรายได้กว่า 4,205 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 20.6% โดยมีการเปิด 3 โครงการ คือ โมดิซ ไรห์ม รามคำแหง (Modiz Rhyme Ramkhamhaeng), โมดิซ ลอนช์ (Modiz Launch) และบ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด พัฒนาการ (Baan Puripuri Courtyard – Pattanakarn) รวมมูลค่าโครงการ 3,637 ล้านบาท และสามารถทำยอดขายจากโครงการใหม่ที่เปิดในปีนี้ได้ถึง 2,407 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมี backlog คิดเป็นมูลค่า 7,848 ล้านบาท ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 – 2566 ในส่วนของโครงการพร้อมอยู่ (Ready-to-move Projects) ณ วันที่ 31 ธ.ค. 63 บริษัทมีห้องของโครงการพร้อมอยู่คงเหลือในปีคิดเป็นมูลค่า 4,094 ล้านบาท และบริษัทจะมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564 คิดเป็นมูลค่า 6,694 ล้านบาท
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา