Brand Inside ชวนเดินร้าน MUJI สาขา Central World หลังการปรับลดราคาสินค้าอีก 271 รายการในปี 2564 ลดแล้วถูกลงแค่ไหน คนไทยเข้าถึง MUJI ได้มากขึ้นจริงๆ แล้วหรือยัง
MUJI ร้านขายสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นที่มาพร้อมแนวคิดความเรียบง่าย มีสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่เสื้อผ้า ของใช้ภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องสำอาง และเครื่องเขียน โดยคำว่า MUJI จริงๆ แล้วย่อมาจากคำว่า Mujirushi Ryohin ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นแปลได้ตรงตัวว่า สินค้าคุณภาพดีที่ไม่มีแบรนด์
ราคา อุปสรรคสำคัญของ MUJI ในประเทศไทย
สำหรับ MUJI ในประเทศไทย เริ่มเข้ามาเปิดสาขาแรกตั้งแต่ปี 2006 ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 20 สาขา โดยมี บริษัท มูจิรีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ
แม้ว่า MUJI จะมีที่มาจากสินค้าคุณภาพที่ไม่มีแบรนด์ แต่สินค้าของ MUJI กลับมีลักษณะเฉพาะ แค่มองก็รู้ว่าเป็นสินค้าของ MUJI แม้จะไม่มีโลโก้หรือสัญลักษณ์ใดๆ ติดอยู่เลยก็ตาม
แต่ปัญหาอย่างหนึ่งของ MUJI ในประเทศไทย คือ ราคา จนกลายเป็นภาพจำของคนไทยไปแล้วว่าสินค้าของ MUJI แม้จะมีคุณภาพดี แต่ราคาก็แพง จนคนไทยรู้สึกว่า MUJI เป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ยากกว่าแบรนด์อื่นๆ ในท้องตลาดที่อาจมีดีไซน์เรียบง่ายเหมือนๆ กัน
ปรับลดราคาสินค้ามาแล้วนับพันรายการ
อย่างไรก็ตามหลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่า MUJI จะรู้ว่า ราคาคือปัญหาใหญ่ เพราะ MUJI ก็พยายามปรับลดราคาสินค้าอยู่หลายครั้ง ตั้งแต่ปี 2019 ที่ปรับลดราคาสินค้าไป 264 รายการ ปี 2020 ปรับลดราคาสินค้า 769 รายการ และในปีนี้ MUJI ก็เพิ่งประกาศลดราคาสินค้าเพิ่มอีก 217 รายการ
สำหรับสินค้าที่ MUJI มีการปรับลดราคา 217 รายการ แบ่งออกเป็น สินค้ากลุ่มเสื้อผ้า จำนวน 38 รายการ และเครื่องใช้ภายในบ้านอีก 179 รายการ
เดินสำรวจ MUJI สินค้าราคาถูกลงแค่ไหน อะไรลดราคาบ้าง
เมื่อเดินเข้าไปในร้าน MUJI สาขา Central World จะพบว่า MUJI มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้ารับรู้ว่า สินค้าใดบ้างที่มีราคาถูกลง และราคาถูกลงเท่าไหร่ด้วย
โดยสินค้าที่ MUJI ติดป้ายประชาสัมพันธ์การลดราคาให้ลูกค้ารับรู้ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าในกลุ่มเสื้อผ้า มากกว่าเครื่องใช้ภายในบ้าน แม้ว่า MUJI จะมีการปรับลดราคาสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ภายในบ้านมากกว่าก็ตาม
ตัวอย่างสินค้าที่ MUJI ปรับลดราคาลงในกลุ่มเสื้อผ้า มีทั้งเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย เช่น เสื้อเชิ๊ตผ้าฝ้ายออกซฟอร์ต เดิมราคา 790 บาท ลดเหลือ 690 บาท เสื้อยืดผ้าเจอร์ซีย์ถักเนื้อสัมผัสไม่เรียบทรงกว้างคอปาด เดิมราคา 490 บาท ลดเหลือ 350 บาท
กางเกงเดนิมทรงไวด์ ผ้ายืด 4 ทิศ เดิมราคา 1,390 บาท ลดเหลือ 990 บาท กางเกงชิโนทรงทัคไวด์ ผ้ายืด 4 ทิศทาง เดิมราคา 1,690 บาท ลดเหลือ 1,390 บาท
ส่วนสินค้าในกลุ่มของใช้ภายในบ้าน ส่วนใหญ่ที่มีการติดป้ายประชาสัมพันธ์การลดราคา จะเป็นสินค้าที่มีขนาดใหญ่อย่างเฟอร์นิเจอร์ เช่น ชุดโต๊ะลีฟวิ่งไดน์นิ่ง ทำจากไม้โอ้ก เดิมราคา 21,500-14,500 บาท แล้วแต่ขนาด ลดเหลือ 19,900-11,900 บาท
เก้าอี้โซฟาลีฟวิ่งไดน์นิ่ง เดิมราคา 12,500 บาท ลดเหลือ 9,900 บาท ม้านั่งยาวลีฟวิ่งไดน์นิ่ง เดิมราคา 12,500 บาท ลดเหลือ 7,900 บาท และม้านั่งลีฟวิ่งไดน์นิ่ง เดิมราคา 6,950 บาท ลดเหลือ 4,900 บาท นอกจากนี้ยังมีการลดราคาอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ด้วย เช่น ปลอกหุ้มม้านั่ง และหุ้มเก้าอี้โซฟา
หมอนเพื่อสุขภาพ ก็มีการลดราคาเช่นกัน จากเดิมราคา 1,590-1,990 ลดเหลือ 1,390-1,790 บาท ส่วนกล่องเก็บของพลาสติก เดิมมีราคา 650, 795 และ 1,250 บาท ตามขนาด ลดเหลือ 490, 690 และ 990 บาท ตามลำดับ
สรุป
การปรับลดราคาสินค้า MUJI ที่เราเห็นกันนี้ แม้สินค้าจะเหมือนเดิมทุกประการ แต่ MUJI เลือกใช้วิธีในการบริหารจัดการ ลดกระบวนการผลิตที่ไม่มีความจำเป็น เพิ่มประสิทธิผลในการผลิต รวมถึงการบริหารจัดการกระบวนการกระจายสินค้า ทำให้จัดการต้นทุนในภาพรวมของสินค้าได้ดีที่สุด
สินค้าประเภทเสื้อผ้า นับว่าเป็นการลดราคาที่น่าสนใจ เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสื้อผ้า MUJI มีความคล้ายกับเสื้อผ้าของแบรนด์ร่วมชาติอย่าง Uniqlo ที่มีดีไซน์คล้ายกัน การลดราคาเสื้อผ้าของ MUJI ลง ก็อาจทำให้ผู้บริโภคหลายๆ คน เปลี่ยนใจจาก Uniqlo มาซื้อ MUJI ก็ได้ รวมถึงยังทำให้ MUJI แข่งขันกับแบรนด์อื่นๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย
นอกจากนี้ การลดราคาสินค้าของ MUJI ทำให้สินค้าหลายๆ รายการ ที่เคยอยู่ในสถานะที่อาจแพงเกินไปในความคิดของคนไทย กลายเป็นสินค้าที่มี “ราคาสมเหตุสมผล” มากขึ้นสำหรับหลายๆ คน ในอนาคตก็ต้องดูกันต่อไปในระยะยาวว่า MUJI จะสามารถปรับลดราคาสินค้า ให้คนไทยสามารถเข้าถึงสินค้าของ MUJI ได้มากกว่านี้อีกหรือไม่ เพื่อลบภาพจำว่า MUJI เป็นสินค้าราคาแพงในมุมมองของคนไทยบางคน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา