Starbucks รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ของปีงบประมาณล่าสุด (สิ้นสุดเดือนธ.ค. 2020) ว่ายอดขาย Same-Store ลดลง 5% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เนื่องจาก COVID-19 ยังระบาดไม่หยุดทั่วโลก
Starbucks ที่ยังเติบโตลำบากช่วงนี้
ผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ของปีงบประมาณล่าสุดของ Starbucks มียอดขาย Same-Store หรือหน้าร้านเดิมลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน โดยมีนักวิเคราะห์มองว่าการลดลงของยอดขาย Same Store เบื้องต้นอยู่ที่ 3.4%
ส่วนรายละเอียดที่น่าสนใจคือ ยอดขายหน้าร้านในสหรัฐอเมริกาลดลง 6% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 5.2% เนื่องจากที่สหรัฐอเมริกายังมีการระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ร้านอาหารเปิดให้บริการได้ลำบาก สวนทางกับตลาดจีนที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นจนยอดขายหน้าร้านเดียวกันในจีนเพิ่มขึ้น 5%
ทั้งนี้ Starbucks ยังคงเป้าหมายยอดขายหน้าร้านเดียวกันเพิ่มขึ้น 18-23% ในปีงบประมาณล่าสุดเช่นเดิม โดยการไปถึงเป้าหมายนั้น Starbucks จะใช้กลยุทธ์ปิดหน้าร้านขนาดใหญ่ และเปิดหน้าร้านขนาดเล็ก รวมถึงทำสาขาที่มี Drive-thru และเน้นบริการซื้อกลับบ้านมากขึ้น
จากการเดินหน้ากลยุทธ์ดังกล่าว Starbucks คาดการณ์ว่า ในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณล่าสุด ยอดขายหน้าร้านเดียวกันในสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มขึ้น 5-10% ส่วนในประเทศจีนจะเพิ่มขึ้นสองเท่า เพราะสถานการณ์ต่างๆ น่าจะดีขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ได้ผลตอบรับจาก Loyalty Program ค่อนข้างดี
สรุป
ช่วงนี้ Starbucks ค่อนข้างหนักเพราะร้านอาหารให้บริการได้ลำบาก ดังนั้นการพยายามดิ้นรนให้บริการส่งถึงบ้าน, เน้นซื้อกลับบ้าน และการขยายสาขาขนาดเล็กน่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้อง เพราะช่วยเพิ่มยอดขายในวิกฤตได้ แต่ถึงอย่างไร Starbucks ก็คงอยากให้วิกฤตนี้หายไปให้เร็วที่สุด
อ้างอิง // Reuters
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา