เปิดศึก”สตรีมมิ่ง”ในไทย เทียบจุดแข็ง ‘คอนเทนต์-ราคา’ ของ 7 แอปดัง

การแข่งขันของตลาดสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มในไทยนับวันยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ แต่ละเจ้าโชว์จุดเด่น งัดกลยุทธ์ ความครีเอทีฟในการโปรโมท ขนทัพหนังใหม่มาลงเรื่อยๆ รวมทั้งเรื่องราคาที่สู้กันแบบไม่มีใครยอมใคร วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าในปี 2022 นี้ 7 สตรีมมิ่งดังเค้ามีจุดเด่น จุดด้อย อะไรกันบ้าง

Netflix 

photo : pixabay

เริ่มต้นกันที่ Netflix ที่เรียกได้ว่าเป็นสตรีมมิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้ รวบรวมคอนเทนท์ไว้หลากหลายที่สุด ทั้งไทย เกาหลี ฝรั่ง ฮอลลิวูด เกมโชว์ สารคดี รายการสำหรับเด็ก เรียกได้ว่าครบถ้วนทุกแนว รวมถึงแนวทางการโปรโมทเมื่อมีหนังหรือซี่รี่ส์เข้าใหม่ใน Netflix จะได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างอยู่เสมอเนื่องจากความครีเอทีฟของเนื้องานทั้งออนไลน์และออฟไลน์ 

นอกจากนี้ยังมี Original Content ที่ Exclusive เฉพาะผู้ใช้งาน Netflix เท่านั้นเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ทำให้หลายคนยอมจ่ายค่าบริการเพื่อรับชม Content เหล่านี้ หนังดี ซีรี่ย์ฮิต รวมไว้ที่นี่หมดแล้ว 

จุดเด่นของ Netflix 

ใครที่ชอบดูซีรี่ย์ใหม่ๆ ที่นี่เรียกได้ว่ามีของดี ซีรี่ย์ฮิตให้รับชมตลอดเวลา รวมถึงหนังดังๆ ที่ลาโรงไปก็มักจะเข้าที่ Netflix ก่อนใคร รวมทั้งดูได้หลากหลายอุปกรณ์ มีหลากหลายราคาและแพ็คเกจให้เลือกอีกด้วย 

Netflix จะมีทั้งหมด 4 ราคา ซึ่งแต่ละราคาจะมีความแตกต่างของรายละเอียดการรับชมดังนี้

  1. Mobile 99 บาท : สามารถรับชมได้เฉพาะบน Mobile หรือ Tablet เท่านั้น ความละเอียดและคุณภาพอยู่ที่ 480p ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ เน้นเจาะกลุ่มผู้ที่อยากรับชม Content ของ Netflix แต่อยากจ่ายราคาแพงและไม่ได้ดูที่บ้าน เน้นดูในมือถือหรือแท็บเล็ตส่วนตัว ราคานี้ถือว่าคุ้มค่า โดยจะสามารถรับชมได้เพียง 1 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
  2. Basic 279 บาท : จะเหมือนกับแพ็คเกจ 99 บาทแต่สามารถรับชมได้บนคอมพิวเตอร์และทีวีเพิ่มเติมขึ้นมา โดยจะสามารถรับชมได้ 2 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน
  3. Standard 349 บาท : แพ็ตเกจยอดนิยมของผู้ใช้ Netflix เพราะได้คุณภาพของวีดีโอที่ดีมาก ความละเอียดอยู่ที่ 1080p สามารถดูได้ทุกอุปกรณ์ และรับชมพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ จึงไม่แปลกที่จะเป็นแพ็ตเกจยอดนิยมของผู้ใช้ Netflix 
  4. Premium 419 บาท : แพ็คเกจที่ดีที่สุดของ Netflix สำหรับสายดูหนัง ดูซีรี่ย์ตัวจริง ด้วยความละเอียดระดับ 4K+HDR รับชมได้ทุกอุปกรณ์และรับชมพร้อมกันได้ถึง 4 อุปกรณ์ ให้ประสบการณ์การดูหนังของคุณสนุกและเต็มตา ชัดทุกรายละเอียดได้ทุกที่ทุกเวลา 

Disney+ Hotstar

photo : disney+ hotstar

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคู่แข่งตัวหลักของ Netflix ในไทยเลยก็ว่าได้เพราะความแรงอย่างต่อเนื่องของ Disney+ Hotstar ทั้งในด้านของตัวเนื้อหาคอนเทนต์และการโปรโมท รวมถึงโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าใหม่เพราะได้ Partner สำคัญอย่าง AIS คอยช่วยทำให้ยอดผู้ใช้เติบโตยิ่งขึ้นทุกวัน 

สำหรับ Disney+ Hotstar เป็นสตรีมมิ่งที่เพิ่มเข้ามาทำตลาดในไทยเริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว มีเนื้อหาให้เลือกชมมากมายทั้งหนัง ซีรี่ย์ สารคดี ซึ่งจะค่อนข้างเน้นเนื้อหาที่เจาะตลาดคนไทยและคนเอเชีย รวมถึงมีหนังไทยมากมายอยู่ใน Disney+ Hotstar ด้วย ทำให้ค่อนข้างที่จะถูกจริตกับคนไทยได้ง่ายมากเลยทีเดียว

จุดเด่นของ Disney+ Hotstar

จุดเด่นและจุดแข็งของ จุดเด่นของ Disney+ Hotstar เลยก็คือคุณจะสามารถหาดูคอนเทนต์ของค่าย Disney ได้ที่นี่เท่านั้น รวมถึง Marvel อีกด้วย ไม่จำเป็นต้องไปหาดูจากหลายๆ ที่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ทุกอย่างรวมอยู่ที่นี่ทั้งหมดเลย รวมถึง Original Content Disney+ Hotstar เองก็มีเหมือนกันอย่างเช่นทาง Marvel ก็จะมีซีรี่ย์ She-Hulk และ Big Mouth ที่เพิ่งฉายจบไปซึ่งระหว่างที่ฉายก็เรียกกระแสได้เป็นอย่างดี 

Disney+ Hotstar จะทำแพ็คเกจราคาออกมาเพียงแค่ รายปี 799 บาท (66 บาทต่อเดือน) ราคาเดียวเท่านั้น แต่หากคุณเป็นลูกค้าของ AIS สามารถจ่ายราคารายปีเพียงแค่ 499 บาทเท่านั้น ถือว่าลดราคาได้โหดมาก รวมทั้งมีแพ็คเกจรายเดือน 99 บาทให้เลือกอีกด้วย ทุกราคาจะสามารถรับชมวิดีโอในคุณภาพสูง และรองรับการรับชมจากหลายอุปกรณ์ รับชมได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์ 

HBO GO

photo : HBO GO

แม้จะไม่ได้เป็นที่นี่ยมในวงกว้างเท่ากับสองเจ้าที่กล่าวมากแต่ HBO GO ก็มีฐานแฟนคลับอย่างเหนียวแน่นไม่เสื่อมคลาย ถ้าแฟนของ Marvel อยู่กันที่ Disney+ Hotstar แฟนฝั่ง DC Comics ก็ขออยู่กับฝั่ง HBO GO เพราะจัดเต็มคอนเทนต์แบบ Exclusive รวมทั้งใครที่เป็นแฟนของ Game of Throne หรืออยากเริ่มดูเพราะคุยกับเพื่อนๆ ไม่รู้เรื่องแถมยังมี House of the dragon อีก ต้องมาที่ HBO GO ที่นี่ที่เดียวนะ 

จุดเด่นของ HBO GO

จุดเด่นที่สำคัญนั่นก็คือการมี Orginal Content ที่แข็งแรง รวมทั้งมีการเปิดให้ชมช่องอื่นๆ เพิ่มอีกด้วยทั้ง HBO Home Box Office, HBO Signature, HBO Family, HBO Hits, Cinemax และ Red by HBO เรียกได้ว่าคุ้มมากๆ รวมถึงมีฟีเจอร์ที่ทาง HBO GO ภูมิใจนำเสนอมากๆ นั้นก็คือ I’m Feeling Random ที่จะให้ AI ลองเลือกหนังมาสักหนึ่งเรื่องให้กับเรา รวมถึงเรื่องของเสียงไทยในซี่รี่ย์และหนังบอกเลยว่า HBO GO มีเยอะมาก 

HBO GO มีราคาเดียวนั่นคือ 149 บาทต่อเดือนไม่มีรายปี ซึ่งสามารถใช้งานได้ 5 เครื่องต่อ 1 Account และใช้งานพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ ใครที่ไม่มั่นใจว่าจะชอบคอนเทนต์ในนี้หรือไม่ก็สามารถทดลองใช้ก่อนได้ 7 วัน 

Prime Video 

photo : prime video

น้องใหม่ในไทยที่เรียกกระแสได้เป็นอย่างดีตั้งแต่ก่อนเปิดตัว ก่อนหน้านี้คนอาจจะรู้จักในชื่อของ Amazon Prime Video พอมาไทยก็มีการเรียกให้สั้นลงเล็กน้อยแต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ Logo ของ Amazon อยู่ แม้จะมาเปิดตัวในไทยท่ามกลางสมรภูมิของสตรีมมิ่ง แพลตฟอร์มที่ร้อนแรงมากในบ้านเรา แต่ผู้บริหารเองก็ไม่หวั่น แถมยังส่งพระเอกดัง “มาริโอ เมาเร่อ” มาเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกในไทยอีกด้วย ตอกย้ำว่าเราจะเอาจริงในตลาดเมืองไทยแล้วนะ พร้อมส่งคอนเทนต์น่ารับชมมากมายให้เราได้ลองเปิดใจกับสตรีมมิ่งหน้าใหม่เจ้านี้กับเพียบไม่ว่าจะเป็นสายลับ 007 แบบครบทุกภาคพร้อมเสียงไทย ซีรี่ย์ The Boys ภาพยนตร์ไทยอีกมากมายหลายเรื่อง รวมทั้งซี่รี่ย์ใหม่อย่าง The Lord of the Rings: The Rings of Power ที่โหมโปรโมทกันอย่างหนักมากในไทย

จุดเด่นของ Prime Video

สิ่งที่ทำให้ Prime Video เด่นกว่าเพื่อนๆ ในระดับราคาเดียวกันนั่นก็คือการที่สามารถรับชมได้พร้อมกันมากถึง 3 อุปกรณ์ พร้อมทั้งยังสามารถควบคุมการใช้งานข้อมูลอินเทอร์เน็ตในขณะที่เราดาวน์โหลดและรับชมวิดีโอ ทำให้คุณดูวิดีโอได้อย่างไหลลื่น

ใครที่สนใจ Prime Video สามารถทดลองใช้ก่อนได้ 7 วัน หากชอบและอยากจะสมัครสมาชิกสนนราคาต่อเดือนอยู่ที่ 149 บาทเท่านั้น ใช้งานได้พร้อมกัน 3 อุปกรณ์ 

VIU

photo : VIU

หนึ่งในสตรีมมิ่งที่แฟนซีรี่ย์เกาหลีต้องมีไว้ติดเครื่อง เพราะนอกจาก Netflix แล้วก็มี VIU (อ่านว่า วิว)  นี่แหละที่รวมเอาซีรี่ย์เกาหลีไว้มากมายหลายเรื่อง รวมถึง Original Series จากประเทศไทยก็มีบน VIU ด้วยเหมือนกัน รวมถึงซีรี่ย์จีนหรือญี่ปุ่น อนิเมะ ก็มีอยู่ใน VIU ด้วยเหมือนกัน รวมถึงหลายๆ เรื่องมีเสียงไทยด้วยนะ 

จุดเด่นของ VIU 

ไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ดูได้ นี่คือความพิเศษของ VIU ที่หลายสตรีมมิ่งไม่มี หากคุณต้องการจะดูเรื่องไหนก็แค่ค้นหาแล้วก็เริ่มดูได้เลย แต่อาจจะถูกจำกัดด้วยความละเอียดของวิดีโอ เสียงไทย โฆษณา และการรับชมบนอุปกรณ์อื่นๆ นอกจากบนเว็บ หากคุณเป็นแฟนละครไทย VIU เป็นหนึ่งในสตรีมมิ่งที่มีละครไทยออนแอร์อยู่ค่อนข้างมาก บางเรื่องออนแอร์หลังจบการฉายบนฟรีทีวีเลยทีเดียว

VIU แม้จะเริ่มต้นจะเป็นแบบฟรีก็ตาม แต่หากสนใจก็สามารถทดลองใช้ฟรี 7 วัน หากต้องการฟีเจอร์มาตรฐานอื่นๆ เช่นการปรับระดับคุณภาพ เสียงไทย หลีกเลี่ยงโฆษณา ดาวน์โหลดมารับชมแบบออฟไลน์ รวมทั้งรับชมบน Smart TV สามารถสมัครสมาชิกรายเดือน เพียง 119 บาท/เดือน ซึ่งความพิเศษของการสมัครสมาชิกของ VIU คือมี Partner มากมายเช่น 

  • ลูกค้า True Move H รับสิทธิสมัคร 147 บาท / 3 เดือน (49 บาท/เดือน) ต่ออายุอัตโนมัติราย 90 วัน 
  • สมาชิกบัตรเดบิต SCB Mastercard และ SCB Planet รับสิทธิสมัครสมาชิกเดือนละ 59 บาท (12 รอบบิล) ต่ออายุอัตโนมัติทุกเดือน 

 

WeTV

photo : WeTV

เป็นอีกหนึ่งสตรีมมิ่งที่โดดเด่นในเรื่องของซีรี่ย์จีน เรียกได้ว่าถูกใจใครที่กำลังเริ่มดูซีรี่ย์จีนอย่างแน่นอน นอกจากซีรี่ย์จีนก็ยังมีซีรี่ย์จากชาติอื่นๆ อีกเช่นกัน ทั้งเกาหลี อนิเมะญี่ปุ่น และละครไทย 

จุดเด่นของ We TV

นอกจากนี้ WeTV ยังเป็นอีกหนึ่งสตรีมมิ่งที่เปิดให้รับชมได้ฟรีแบบไม่ต้องสมัครสมาชิก เพียงแค่จะจำกัดเรื่องของความละเอียดและ Exclusive Content ให้สำหรับสมาชิกเท่านั้น ซึ่งสมาชิกนอกจากเรื่องความละเอียดและคอนเทนต์แล้วยังได้อีกความพิเศษคือได้รับชมซีรี่ย์ออนแอร์พร้อมประเทศจีนอีกด้วย ไม่ต้องรอให้จีนฉายจบก่อนถึงค่อยลงสตรีมมิ่ง เรียกได้ว่าถ้าจะกรี๊ดก็กรี๊ดพร้อมกันทั่วโลก ถ้าจะน้ำตาแตกก็ร้องไห้ระงมกันทั่วโลกไปเลย 

สำหรับแพ็คเกจราคาของ WeTV จะแยกเป็นสองแบบคือแบบรายเดือนปกติและรายเดือนต่ออายุอัตโนมัติ

แบบปกติ
  • สมาชิก 1 เดือน 119 บาท
  • สมาชิก 3 เดือน 329 บาท
  • สมาชิก 1 ปี 1,200 บาท
แบบต่ออายุอัตโนมัติ
  • สมาชิก 1 เดือน 89 บาท
  • สมาชิก 3 เดือน 249 บาท
  • สมาชิก 1 ปี 899 บาท 

IQIYI

ปิดท้ายด้วยสตรีมมิ่งที่อ่านชื่อยากสักหน่อยแต่พอมองก็รู้เลยว่าสัญชาติไหนอย่าง IQIYI (อ้ายฉีอี้) ที่เน้นคอนเทนต์เอาใจคอซีรี่ย์จีนเหมือนกับ WeTV รวมถึงรายการวาไรตี้ หนังจีนอีกด้วย แต่ก็มีคอนเทนต์ของสัญชาติอื่นอยู่ด้วย โดยรวมแล้วแม้จะใกล้เคียงกับ WeTV แต่ตัว IQIYI จะดูมีคอนเทนต์ฝั่งจีนเยอะกว่า 

จุดเด่นของ IQIYI

นอกจากที่กล่าวมาแล้วว่า IQIYI โดดเด่นเรื่องของคุณภาพวิดีโอของคอนเทนต์แม้แต่คอนเทนต์ฟรีก็สามารถรับชมในความชัดระดับ 720p ซึ่งถือว่าไม่แย่เลย รวมทั้งมีแท็ปแยกสำหรับคนที่ชอบดูซีรี่ย์เสียงไทย หรือไม่ชอบอ่านซับก็สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย

IQIYI จะมี 2 แพ็คเกจให้เลือกนั่นคือ Standard และ Premium 

Standard 
  • 119 บาทต่อเดือน (ตอนนี้มีโปรลดเหลือ 49 บาท)
  • 339 บาทต่อ 3 เดือน (ตอนนี้มีโปรลดเหลือ 199 บาท)
  • 1,200 บาทต่อปี 

สิ่งที่จะได้รับคือดูพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ที่ความชัด 1080p ดาวน์โหลดคอนเทนต์ไว้ดูได้ ไม่มีโฆษณา รวมทั้งมีระบบเสียง Dolby Cinema ในตัวด้วย 

Premium 
  • 199 บาทต่อเดือน 
  • 2,000 บาทต่อเดือน 

สิ่งที่ได้เพิ่มจาก Standard คือดูพร้อมกันได้มากถึง 4 อุปกรณ์ในความละเอียดระดับ 1080p และ 4K 

ที่มา : Sale Here, mangozero, iphonemod.net, Viu, thestandard.co

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา