ไม่ใช่ 7 สิ่งมหัศจรรย์ แต่เป็น 7 Online Marketing ที่ทรงอิทธิพลในปี 2017

marketing
ภาพจาก Pixabay.com

ปี 2016 ยังไม่จบลง แต่เราก็เห็นแล้วว่า ภาพรวมโฆษณาในประเทศไทยส่วนใหญ่มีการใช้จ่ายติดลบ แต่ Online เป็นช่องทางที่เติบโต และน่าจะต่อเนื่องไปอีกหลายปี รวมถึงเรื่องการตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing ด้วย ที่ยังคงเป็นเรื่องใหม่เสมอ และเวลานี้ก็ต้องเริ่มมองแล้วว่า ปี 2017 เครื่องมือชนิดใดที่จะมีประสิทธิภาพ เพื่อการเตรียมความพร้อม

Forbes ได้สำรวจ รวบรวม และคาดการณ์ 7 Online Marketing ที่ทรงอิทธิพลในปี 2017 มาสะกิดความรู้สึกนักการตลาดทั้งหลาย ซึ่งต้องบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมด แต่ต้องรู้ทั้งหมด และเลือกใช้ให้เหมาะสมเพื่อความได้เปรียบทางธุรกิจ

1. Augmented Reality (AR)

ยังคงจำปรากฎการณ์ Pokémon Go ได้หรือไม่ สร้างความประหลาดใจให้เกิดขึ้นทั่วโลก สามารถสร้างรายได้กว่า 10 ล้านเหรียญต่อวัน และผลักดันให้ราคาหุ้นของ Nintendo พุ่งทยานขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเกมนี้จะอยู่ได้ไม่นานนัก (หมดช่วงว้าว) จำนวนคนเล่นก็น้อยลงไป (จนตอนนี้น่าจะเหลือแค่แฟนพันธุ์แท้เท่านั้น)

แต่สิ่งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ถ้าคอนเทนต์น่าสนใจ ผู้ใช้ก็พร้อมแล้วสำหรับเทคโนโลยี AR และเชื่อว่าด้วยกระแสที่เกิดขึ้นจะทำให้หลายๆ แบรนด์กล้าที่จะเข้ามามีเอี่ยวกับ AR ads มากขึ้น

2. Live Video Streaming

หนึ่งในรอบปีที่ผ่านมา Live Video Streaming คือหนึ่งในช่องทางที่กำลังบูมสุดๆ ด้วย อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และ สมาร์ทโฟนในมือ การได้ดูสถานการณ์สดๆ การเปิดตัวตั้งแต่สินค้าระดับโลกของ Apple ทั้ง iPhone และ Mac Pro จนถึงการจัดกิจกรรมง่ายๆ ของสินค้าในประเทศ สามารถทำ Live ได้ทั้งหมด และในปีหน้าเรื่องการ Live Video Streaming จะเข้มข้นขึ้นอีก แบรนด์ไหนไม่ทำอาจพลาดโอกาสสำคัญ

big-data-marketing
ภาพจาก Pixabay.com

3. Data Analysis

ข้อมูลกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักการตลาด เพราะเราอยากรู้ว่า ใครซื้ออะไร ที่ไหน เมื่อไร และข้อความใดที่มีผลต่อการตัดสินใจมากที่สุด การมีข้อมูลอย่างเดียวไม่ช่วยอะไร ยังต้องการการวิเคราะห์ เพื่อให้สามารถคาดการ์อนาคต ดังนั้นห้ามพลาดเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลโดยเด็ดขาด

4. Native Advertising

นี่คือเทรนด์ที่เก่าที่สุดแล้วใน 7 Online Marketing แต่ก็ดูเหมือนว่ายังคงมีประสิทธิภาพ เพียงแต่ว่าจะมาในรูปแบบเดิมๆ ไม่ได้อีกต่อไปเพราะผู้บริโภคก็เริ่มจะรู้ทันและเพิกเฉย เช่นใน Facebook ที่ต้องมีการปรับปรุงพื้นที่โฆษณาอยู่เสมอ (แต่ยังไงคนก็ยังใช้ Facebook อยู่ดี) ดังนั้นต้องสร้างสรรค์มากกว่าเดิม ทั้งเนื้อหาและรูปแบบ ส่วนจะเป็นอย่างไรคงต้องรอดูกันต่อไป

5. Tartget Niche

เมื่อ Online กลายเป็นรูปแบบการตลาดที่ทุกแบรนด์พุ่งเข้ามาหา ขณะที่จำนวนผู้บริโภคมีอยู่เท่าเดิม จึงเกิดการแย่งชิง “พื้นที่” ออนไลน์ เหมือนกับที่เคยแย่งชิงพื้นที่ในโฆษณาทีวี แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ Online สามารถเจาะผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มได้ บอกเลยว่า Mass นั้นยังได้ผลกับบางสินค้าและบริการ แต่ Niche ใช้งบน้อยกว่าและได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า

high
ภาพจาก Pixabay.com

6. Immersive Experience

เรื่องของประสบการณ์ที่ดี คือ หัวใจสำคัญที่แบรนด์ต่างๆ ต้องการมอบให้กับผู้บริโภค เพื่อสร้างความพึงพอใจในระยะยาว อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การใช้ AR รวมถึง VR เป็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังมี 360 videos การทำคอนเทนต์ workshop เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม คือกุญแจสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีร่วมกัน

7. Content is King

แม้จะมีเทคโนโลยีมากมายให้เลือกใช้ แต่สุดท้ายสิ่งที่ต้องใส่ใจเสมอคือ คอนเทนต์ หรือ เนื้อหา ไม่ว่าการทำตลาดนั้นจะ Online หรือ Offline คอนเทนต์ก็คือหัวใจสำคัญ ถ้าอยากให้ผู้บริโภคสนใจ เช่นในโซเชียลมีเดีย การหยุดดู อ่าน กดไปอ่านต่อที่เว็บ กด Like และ Share ต่อ สิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้นต้องใส่ใจกับทุกคำ ทุกประโยค (แม้ว่าผู้บริโภคอาจจะอ่านแค่พาดหัวก็ตาม)

Credit: Forbes

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา