มองเกมการตลาด เมื่อ 7-Eleven เลิกขายสินค้าของ 1-2-Call ใครได้ใครเสียอะไรกันบ้าง

14795717_10209117836121275_815568275_o

ประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา 7-Eleven (เซเว่น อีเลฟเว่น) เลิกขายสินค้าของ 1-2-Call เรียกว่าทั้งซิมการ์ด บัตรเติมเงินหรือสลิปเติมเงินก็ไม่มีขาย จากข้อมูลพบว่า 7-Eleven มีการเจรจาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมากับ AIS (เอไอเอส) จากเดิมได้ส่วนแบ่ง x% จากการเติมเงินผ่าน 7-Eleven แต่ขอให้ปรับเพิ่มอีกมากกว่า 25% ของส่วนแบ่งเดิม (x%) แต่การเจรจาไม่บรรลุผล 7-Eleven จึงหยุดซื้อ 1-2-Call และให้บริการเติมเงินเท่าที่ยังมีอยู่ จนกระทั่งเงินสำหรับเติมให้กับ 1-2-Call หมดลงไปในที่สุด

จากข้อมูลดังกล่าว ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเบื้องต้นมี 3 ฝ่ายด้วยกัน คือ ร้าน 7-Eleven, AIS และผู้ใช้บริการ 1-2-Call ลองมาดูกันว่า มีใครได้ใครเสียอะไรกันบ้าง

7_eleven123
ภาพจาก Wikipedia

รับเติมเงิน TrueMove H อยู่แล้ว ไม่ต้องง้อ 1-2-Call

7-Eleven ในฐานะร้านสะดวกซื้ออันดับ 1 ของไทย ที่มีสาขา 8,832 แห่ง ณ สิ้นปี 2558 ครอบคลุมทุกพื้นที่มากที่สุด และมีอัตราการเพิ่มสาขา เฉลี่ย 600 สาขาต่อปี (ดังนั้นสิ้นปีปี 2559 น่าจะมีประมาณ 9,400 สาขา) ตั้งเป้าว่า ในปี 2561 จะมีจำนวนสาขาในไทยครบ 10,000 แห่ง นี่คือ ความสะดวกในการเติมเงินที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ

เริ่มแรก 7-Eleven ต้องการบริการเติมเงินของ 1-2-Call เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เพราะจำนวนผู้ใช้มือถือเติมเงิน 1-2-Call มีมากที่สุด แต่เมื่อวันเวลาผ่านเลยมา จำนวนผู้ใช้ TrueMove H ก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยแล้ว โดยมีผู้ใช้งาน 16.2 ล้านรายทั่วประเทศ ดังนั้น มาถึงวันนี้ ถ้าจะไม่มีสินค้า 1-2-Call จำหน่าย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

และเมื่อกลางปีที่ผ่านมา 7-Eleven ได้เสนอให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนมาใช้ TrueMove H ได้ทันทีผ่าน 7-Eleven ซึ่ง กสทช. ก็อนุญาตให้ทำได้ เพราะถือเป็นการอำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการ ดังนั้น 7-Eleven มีเฉพาะสินค้าและบริการของ TrueMove H จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

mpay-ais

AIS ไม่ห่วง ใช้ตู้บุญเติม และร้านโชว์ห่วยทั่วไปแทนได้

โจทย์เดียวของ AIS คือ ต้องรักษาฐานลูกค้าเดิมๆ ที่ใช้งานแอป หรือ สมาร์ทโฟนไม่ถนัด จะทำยังไงให้หาจุดเติมเงินได้ง่ายเหมือนเดิม

การขาดจุดขายอย่าง 7-Eleven ก็คงไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก เพราะความเคยชินของผู้ใช้ที่เคยเติมเงินง่ายๆ ที่ 7-Eleven ยิ่งคนอายุมากหน่อย ยื่นมือถือให้พนักงานช่วยเติมเงินให้ด้วย ทางออกของ AIS อยู่ที่ ตู้บุญเติมหน้า 7-Eleven นั่นเองที่สามารถเติมเงินได้เช่นกัน หรืออีกทางหนึ่งคือ ร้านโชว์ห่วยต่าง หรือพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดที่ AIS ใช้เป็นจุดเติมเงินแทน

ด้วยจำนวนลูกค้า 33.5 ล้านราย อีกส่วนหนึ่งคือ ผู้ใช้งานในปัจจุบันมีความเป็น ดิจิทัล มากขึ้น ใช้สมาร์ทโฟนได้ LINE, Facebook คือแอปสามัญประจำเครื่องอยู่แล้ว ถ้าสามารถใช้งาน mPay ได้สักหน่อย ก็เติมเงินเองได้ (หรือเติมให้คนอื่นๆ ได้ด้วย) นี่เป็นความหวังหนึ่งของ AIS เช่นกัน

iphone-410316_1280
ภาพจาก Pixabay.com

ผู้ใช้บริการ เรียนรู้ช่องทางใหม่ๆ ไม่ก็ย้ายค่ายไปเลย

การตัดสินใจเลือกผู้ให้บริการ ทั้ง AIS, dtac และ TrueMove H สิ่งสำคัญที่สุดคือ มีสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ที่เราอยู่ประจำหรือไม่ ให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตเร็วระดับ 4G หรือป่าว ถ้าผู้ใช้มีความสุขกับ 4G ของ AIS ดีอยู่แล้ว แค่การเติมเงินผ่าน 7-Eleven ไม่ได้ ไม่น่าจะเป็นปัญหา เชื่อว่าสามารถหาช่องทางการเติมเงินอื่นๆ ในระแวกใกล้เคียงได้ไม่ยาก อย่างน้อยที่สุด ตู้บุญเติม หน้า 7-Eleven ก็ใช้งานได้

ช่องทางอื่นๆ เช่น ร้านสะดวกซื้ออื่น (Family Mart, Tesco Lotus Express ฯลฯ) ร้านโชว์ห่วย หรือพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป หรือแม้แต่การใช้แอป mPay ก็สามารถทำได้ไม่ยากนัก

แต่ถ้ามันหาไม่ได้จริงๆ ก็ย้ายค่ายเบอร์เดิม ไปอยู่กับ TrueMove H เลยก็ได้ แล้วสุดท้ายถ้าไม่พอใจสักระยะค่อยย้ายกลับมา AIS เหมือนเดิม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา