ประเทศเวียดนามเป็นอีกประเทศที่มีการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสูงอันดับต้นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แน่นอนว่าทำให้เหล่าบริษัทค้าปลีกสนใจที่จะไปดำเนินกิจการในประเทศเวียดนาม ล่าสุด 7-Eleven ได้เข้าสู่ประเทศเวียดนามเรียบร้อยแล้ว
7-Eleven ได้เปิดตัวไปในประเทศเวียดนามเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สาขาแรกเปิดอยู่ในนครโฮจิมินห์ ซึ่งตอนนี้บริษัทมีสาขาแล้ว 19 สาขา และตั้งเป้าเปิดสาขาให้ได้เดือนละ 2 สาขา โดยจะมีสาขาให้ได้ครบ 100 สาขาภายใน 3 ปี
สำหรับคู่แข่งร้านสะดวกซื้อในประเทศเวียดนามมีหลายราย อาทิเช่น B’s Mart ซึ่งทาง Berli Jucker ของไทยที่ได้ไปลงทุนในประเทศเวียดนาม Family Mart จากประเทศญี่ปุ่น Circle K จากสหรัฐอเมริกา และล่าสุดผู้เล่นใหม่จากเกาหลีใต้ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีอย่าง GS25 เป็นต้น ซึ่งการแข่งขันในธุรกิจนี้ถือว่าสูงมากในเวียดนาม
ใครๆ ก็สนใจค้าปลีกในเวียดนาม
Willy Kruh นักวิเคราะห์จาก KPMG มองว่า ผู้เล่นในธุรกิจร้านสะดวกซื้อจากต่างประเทศหลายๆ รายได้เข้าไปทำธุรกิจในเวียดนามแล้วประสบความสำเร็จ เลยทำให้เกิดความสนใจที่จะตามเข้าไปในการทำธุรกิจด้วย เมื่อมีร้านสะดวกซื้อมากมายหลายเจ้า ทำให้เกิดจำนวนร้านที่เพิ่มมากขึ้น เหมือนเป็นโดมิโน่
อีกปัจจัยที่ทำให้ร้านสะดวกซื้อในเวียดนามเป็นที่สนใจของเหล่าบริษัทค้าปลีกทั่วโลกคือประชากรของเวียดนามมีอายุที่น้อย ประชากร 93 ล้านคนยังมีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 35 ปี
พฤติกรรมเปลี่ยน
การมาของร้านสะดวกซื้อทำให้พฤติกรรมของชาวเวียดนามก็เปลี่ยนไปเช่นกัน Vo Thi Hoai Ngan ซึ่งเป็นนักศึกษาในโฮจิมินห์ กล่าวว่าเธอชอบมานั่งเล่นหรือซื้อข้าวกล่องรับประทานในร้านสะดวกซื้ออย่าง Circle K เพราะว่าเย็น สะดวกสบายมีโต๊ะนั่ง แถมมี Wi-Fi ฟรีอีกด้วย
บริษัทในประเทศเวียดนามก็เริ่มสนใจด้วย
ไม่ใช่แค่บริษัทค้าปลีกจากต่างประเทศเท่านั้น บริษัทในเวียดนามเองก็เริ่มปรับรูปแบบธุรกิจมาเน้นเปิดร้านสะดวกซื้อเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Vietnam National Petroleum Group ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวียดนาม ก็เริ่มกระโดดลงมาเล่นในธุรกิจนี้เช่นกัน โดยเตรียมเปิดร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมันของบริษัทเอง ซึ่งเหมือนกับในประเทศไทยที่ PTT เริ่มสนใจกลุ่มค้าปลีกมากขึ้น
ส่วนอีกบริษัทคือ Vingroup ก็เตรียมรุกในธุรกิจนี้เพิ่มมากขึ้น บริษัทตั้งเป้าว่าจะเปิดร้านมินิมาร์ตในประเทศเวียดนามอีกประมาณ 4,000 ร้าน ภายในปี 2020
สรุป
จะเห็นว่าในอนาคตอันใกล้สงครามร้านสะดวกซื้อในเวียดนามจะดุเดือดกว่านี้แน่นอน เพราะว่าผู้เล่นเริ่มมีหลากหลายบริษัท ซึ่งหลังจากความดุเดือดเราอาจได้เห็นการควบรวมธุรกิจหรือแม้แต่การร่วมทุนระหว่างบริษัทภายในประเทศกับยักษ์ใหญ่ต่างประเทศก็เป็นได้ เนื่องจากผู้เล่นมีมากเกินไป
ซึ่งความดุเดือดในสงครามค้าปลีกในเอเชียโดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาซึ่งมีประชากรอายุเฉลี่ยยังน้อยนี้ไม่ใช่แค่เวียดนามด้วย ประเทศอินโดนีเซีย หรือแม้แต่ฟิลิปปินส์ก็ยังมีลักษณะคล้ายๆ เวียดนามเช่นกัน
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา