ในที่สุด Samsung Galaxy Note 7 ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีข่าวหลุด ภาพหลุด กันมาระยะหนึ่งและเป็นที่ถกเถียงกันว่า มีอะไรที่ได้รับการพัฒนาไปจากเดิมบ้าง Brand Inside เลยรับอาสาพาไปดู 7 สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปใน Galaxy Note 7 กับราคาเริ่มต้น 28,900 บาท ก่อนจะวางจำหน่าย 19 ส.ค. นี้
สำหรับ Samsung Galaxy Note 7 เป็น Top Model ของซัมซุงที่ออกมาคู่กันกับ Samsung Galaxy S ดังนั้น ซัมซุงจึงข้าม Note 6 ไปเพื่อป้องกันความสับสนและเข้าใจผิด ดังนั้นตั้งแต่รุ่นนี้เป็นต้นไป ทั้งตระกูล S และตระกูล Note จะมีเลขตามหลังเดียวกัน และเพราะเป็นรุ่น Top สเปคจึงแทบไม่ต้องห่วง มาตรฐานค่อนข้างดี RAM4GB เพื่อการใช้งานไหลรื่น, ROM64GB จุได้สบายๆ และรูปที่ออกมาสีสวยสดงดงาม ตามสไตล์ซัมซุง และมาถึง 7 สิ่งที่เปลี่ยนไปดังต่อไปนี้
1) หน้าจอโค้ง (แต่โค้งน้อยกว่า Galaxy S7)
ทางซัมซุงบอกเลยว่า การทำหน้าจอโค้งของ Galaxy Note 7 เป็นเรื่องของดีไซน์ที่ดูสวยงาม หรูหรา เป็นนวัตกรรมที่แบรนด์โทรศัพท์มือถืออื่นๆ ทำไม่ได้ ทำให้ Galaxy Note 7 มีฟีเจอร์ Apps Edge เพิ่มขึ้นมา ใช้ใส่ Application ที่ใช้งานบ่อย และที่น่าประทับใจคือ หน้าจอโค้งของ Galaxy Note 7 น้อยกว่า Galaxy S7 อาจเพราะได้รับเสียงตอบรับจากผู้ใช้ส่วนหนึ่งว่า หน้าจอที่โค้งมากเกินไป แม้จะสวยงามแต่ทำให้หยิบใช้งานยากกว่า นี่จึงเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ใช้งานได้ดีขึ้น
2) ตัดแสงสีฟ้า Blue Light Filter
อย่ามองข้ามเรื่องง่ายๆ อย่างการตัดแสงสีฟ้าจากหน้าจอ เพราะซัมซุงรู้ว่า ผู้ใช้ปัจจุบันเล่นโทรศัพท์มือถือหลายชั่วโมงต่อวัน ตั้งแต่ตื่นนอนลืมตา จนกระทั่งเข้านอน ซึ่งแสงสีฟ้ามีผลต่อสุขภาพตาของผู้ใช้ ดังนั้นจึงพัฒนาคุณสมบัติ Blue Light Filter ทำให้หน้าจอมีโทนสีเหลือง ช่วยถนอมสายตาได้ดีกว่า
3) ตัวเครื่อง 4 สี Symmetrical 3D Design
Galaxy Note 7 ออกมาครั้งนี้ 4 สี คือ Black Onyx, Gold Platinum, Silver Titanium และ Blue Coral โดย 3 สีแรกจะวางจำหน่ายในประเทศไทย แต่สี Blue Coral ต้องอดใจรอในเฟสต่อไป ตัวเครื่องขนาด 5.7 นิ้ว ออกแบบด้วยแนวคิด Symmentrical 3D Design ดูสมมาตรเป็น 3 มิติ เลือกใส่ได้ 2 ซิม หรือจะใส่ MicroSD แทน
4) ใช้งานสบายใจแม้อยู่ใต้น้ำ
ในเมื่อ Galaxy S7 กันน้ำได้ แล้วทำไม Galaxy Note 7 จะกันน้ำบ้างไม่ได้ ว่าแล้วก็ติดตั้งระบบกันน้ำแบบ IP68 อยู่ในน้ำได้ลึก 1.5 เมตรนาน 30 นาที แบบว่าลงไปใช้กันใต้น้ำ ดึงปากกาออกมาขีดๆ เขียนๆ ใต้น้ำก็ยังได้ และเพื่อความปลอดภัย Galaxy Note 7 มีระบบแจ้งเตือนความชื้น เป็นสัญลักษณ์รูปหยดน้ำที่หน้าจอ เพื่อแจ้งผู้ใช้ว่า มีความชื้นอยู่ ห้ามชาร์จไฟเด็ดขาด ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
5) สแกนม่านตาเพื่อความปลอดภัย
ฟังก์ชั่นการสแกนลายนิ้วมือ ที่พัฒนาจนมีความรวดเร็ว กลายเป็นเรื่องปกติ Galaxy Note 7 เลยจัดสแกนม่านตา แบบ IRIS Scanner ที่ใช้เวลาในการสแกนประมาณ 1 วินาที ถือว่าเป็นระบบที่สแกนได้แบบ Real Time ใหม่และเร็วที่สุดในเวลานี้ เป็นเรื่องของความปลอดภัยการเข้าถึงข้อมูลภายในเครื่อง มีข้อจำกัดด้วยเทคโนโลยีคือ ใช้กลางแดด หรือ สแกนผ่านคอนแทคเลนส์สีไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่เข้าใจได้
6) S Pen หัวใจของ Galaxy Note 7
ขึ้นชื่อว่าเป็น Galaxy Note สิ่งที่สร้างความแตกต่างคือ S Pen ที่ทุกครั้งต้องได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม ครั้งนี้ก็เช่นกัน เริ่มจากตัวล็อคที่ป้องกันการใส่ผิดด้าน S Pen และหน้าจอ รองรับแรงกดได้ 4096 เลเวล มากกว่า Galaxy Note 5 ถึง 2 เท่า หมายถึงสามารถวัดแรงกดได้ละเอียด ช่วยในเรื่องการวาดเส้น การสเก็ตภาพที่มีน้ำหนักแตกต่างกันได้ดีขึ้น และหัว S Pen มีขนาด 0.7 mm เล็กกว่าเดิม (เดิม 1.6 mm) ทำให้ใช้งานได้ละเอียดและแม่นยำกว่าเดิม
นอกจากนี้ ฟีเจอร์การใช้ S Pen ยังได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น และมีฟีเจอร์ใหม่ เช่น Translate เมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สามารถ S Pen สามารถแปลคำที่ไปพอยท์อยู่ได้ หรือฟังก์ชั่น Glance ย่อหน้าจอที่ใช้งานอยู่ในเล็ก ช่วยในการสลับการใช้งาน Application ได้สะดวกขึ้น เป็นต้น
7) เชื่อมต่อใหม่ด้วย Port USB Type-C
Galaxy Note 7 ใช้ Port สำหรับชาร์จไฟฟ้าและเชื่อมต่อข้อมูลแบบ microUSB ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ข้อดีคือ หัวเสียบสามารถเสียบได้ทุกด้าน ไม่ได้เป็นด้านเดียวแบบ microUSB ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องสายชาร์จ เพราะมี Adapter สำหรับใช้กับสายชาร์จแบบเดิมที่เป็น microUSB มาให้ด้วย
นี่คือ 7 สิ่งที่เปลี่ยนแปลงใน Galaxy Note 7 เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ถ้าได้ลองใช้ Galaxy Note 7 และ S Pen อาจจะติดใจก็ได้ เตรียมพบกัน 19 ส.ค. นี้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา