มีการพูดถึงอีคอมเมิร์ซมาเป็นเวลาหลายปี และมีความร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในปี 2017 ที่ผ่านมา บิ๊กเนมระดับโลกทั้ง Alibaba และ Amazon ต่างบุกหนักกันมากขึ้น รวมถึงห้างค้าปลีกรายอื่นๆ ที่หันมาโฟกัสที่อีคอมเมิร์ซเช่นกัน
โดยที่ในปี 2017 มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย Amazon ได้ทำการซื้อกิจการ Whole Foods มูลค่า 13,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Walmart ได้ร่วมมือกับ Google Home ในการจัดส่งสินค้าด้วยบริการ Google Express และร้านเสื้อผ้าอย่าง Everlane ได้เปิดร้านในรูปแบบ brick-and-mortar เป็นครั้งแรก
โดยในปีนี้จะได้เห็นบทบาทของ AI เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เป็นตัวแปรสำคัญเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิต และอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ โดยที่แนวโน้มในปีนี้เน้นที่การสร้างประสบการณ์ และการสร้างความพอใจแก่ผู้บริโภคให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยได้สรุป 5 เทรนด์สำคัญของวงการอีคอมเมิร์ซที่ต้องรู้ในปีนี้
-
ผู้บริโภคมองหาสินค้า และบริการแบบ Personalization
เป็นแนวโน้มที่เริ่มเห็นมาสักพัก แต่ในปีนี้จะเห็นชัดขึ้นกับแนวทางส่วนบุคคล หรือสินค้า บริการในรูปแบบเจาะจงแบบ Personalization บางส่วนได้ถูกขับเคลื่อนผ่านระบบ AI และโทรศัพท์มือถือ ยกตัวอย่างแบรนด์เครื่องสำอาง FORM Beauty ในเครือของบริษัท Walker & Company ที่เริ่มโฟกัสการสร้างสรรค์สินค้าที่จำแนกเส้นผมเฉพาะบุคคลมากขึ้น เพราะเข้าใจว่าสาวๆ ตแต่ละคนมีความแตกต่างกัน เพื่อให้สินค้าสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันด้วย
การทำ Personalization มีการอาศัยข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือ รวมถึงให้ระบบ AI ช่วยประมวลผล ทำให้สามารถได้ข้อมูลของลูกค้าเชิงลึกได้ ซึ่ง AI สามารถช่วยแนะนำผู้บริโภคในการเลอืกสินค้าได้ดีขึ้น
-
ร้านค้าปลีกต้องปรับตัว เน้นเพิ่มประสบการณ์ให้ดีขึ้น
จริงๆ แล้วห้างค้าปลีกยังไม่ตาย เพียงแต่ห้างค้าปลีกที่เราคุ้นเคยในอดีตได้มีการเปลี่ยนรูปแบบไปตามยุคสมัย อาจจะเป็นทั้งแบบ Pop-up store หรือแบบร้านค้าบนโซเชียลมีเดีย หรืออาจจะอยุ่ในอุปกรณ์อื่นๆ ก็ได้ นั่นคือการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานเท่านั้น
นอกจากนี้ยังหมายถึงการดีไซน์ใหม่ในเรื่องของการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า ตอนนี้มีผู้เล่นค้าปลีกรายใหญ่ปรับตัวกันมากมาย อย่าง Sephora ไดมีการเพิ่มบริการอื่นๆ ภายในร้าน เช่นมีสไตลิสต์ และบริการทำเล็บเพิ่มเติมด้วย
-
ถึงเวลาของการช้อปปิ้งด้วยเสียง
พลังของการใช้เสียงกำลังจะทำให้การช้อปปิ้งเป้นเรื่องง่ายมากขึ้น ในปี 2018 นี้จะเริ่มเห็นอุปกรณ์ที่จะมาสนับสนุนมากขึ้น และแบรนด์เริ่มหันมาทำตลาดกับอุปกรณ์เหล่านี้มากขึ้นเช่นกัน ผลิตภัณฑ์ผู้ช่วยสำหรับเสียง เช่น Amazon Echo หรือ Google Home ยังช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
4. ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งในสมจริงมากขึ้น
Pokémon Go, Ikea และ Animoji เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าทุกคนมีความสนใจในเทคโนโลยี AR สำหรับวัตถุประสงค์ที่หลากหลายในชีวิต บางคนเพื่อความสนุกสนาน และตลก เช่น Ikea Place ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง นี่คือเหตุผลที่ผู้ค้าปลีกจะเริ่มนำเอาสินค้ามาผสมผสานกับการช้อปปิ้งเพื่อให้กระบวนการนี้มีชีวิตชีวาขึ้น
ในขณะเดียวกันวิดีโอของเทคโนโลยี VR และ AR ก็เป็นดอกาสที่ยิ่งใหญ่ของแบนด์อีคอมเมิร์ซในการให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับสินค้าที่มีความใกล้เคียงของจริงมากที่สุด เช่น ห้องแต่งตัวเสมือนจริง สามารถลองเสื้อผ้าด้วยภาพจลองได้
5. เป็นปีแห่งความหลากหลายอย่างแน่นอน
ความหลากหลายที่ว่านี้ เนเรื่องของความหลากหลากการตลาดที่มีการผสมผสานกันในหลายรูปแบบ และความหลากหลายของผู้บริโภค ที่มีทางเลือก และมักจะเลือกมากขึ้น รวมถึงความหลากหลายทางเพศที่จะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ หลายแบรนด์เริ่มมีการเตรียมตัวรับมือกับความหลากหลายในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องสินค้า และบริการ เพราะในปีนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา