โดนใจผู้ใช้บริการหรือไม่? TrueVisions ยื่นเอกสารมาตรการเยียวยา กรณียกเลิกช่อง HBO

หลัง TrueVisions ประกาศยกเลิกรายการในเครือ HBO จำนวน 6 ช่อง ทำให้ผู้ใช้บริการกว่า 1 ล้านครัวเรือน ต่างเฝ้ารอมาตรการเยียวยาว่าหลังจากนี้จะได้รับอะไรกลับมาบ้าง ซึ่งตอนนี้ยักษ์ใหญ่ Pay TV ส่งมาตรการเยียวยาออกมาแล้ว 4 ข้อ ดังนี้

  • เมื่อรายการในเครือ HBO จำนวน 6 ช่องยุติการออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. TrueVisions เตรียมส่ง 7 รายการใหม่มาออกอากาศแทนทันที ประกอบด้วยช่อง Warner TV, Paramount Channel HD, Celestial Classic Movies, Food Network, Fox Action Movies HD, Sony Channel และ True Film HD
  • ผู้ใช้บริการในแพ็คเกจ Gold, Super Family, Sport Family, Smart Family และ Happy Family จะได้รับการปรับแพ็คเกจขึ้น 1 ระดับ เป็นเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2560 ส่วนแพ็คเกจ Platinum ที่เป็นแพ็คเกจสูงสุด จะได้รับ True Reward Point จำนวน 1,000 คะแนน บน True Black Card แทน
  • หากผู้ใช้บริการต้องการยกเลิกบริการ หรือปรับลดแพ็คเกจที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยอ้างเหตุผลการหายไปของรายการเครือ HBO จะสามารถยกเลิกได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้าตามที่กำหนดไว้ในสัญญา และถ้าผู้ใช้บริการอยู่ไม่ถึง 6 เดือนตามสัญญา หรือสมัครบริการคู่กับ True Online หรือ True Move H แล้วยังใช้บริการไม่ครบ 12 เดือนตามสัญญา หากยกเลิกบริษัทจะไม่เก็บค่าสมาชิกแรกเข้า และค่าติดตั้ง แต่ต้องแจ้งภายในวันที่ 28 ก.พ. 2560
  • ส่วนผู้ใช้งานที่ชำระค่าบริการล่วงหน้า 6 เดือน หรือเป็นรายปี และต้องการยกเลิก โดยอ้างเหตุผลเรื่องการหายไปของรายการเครือ HBO ก็สามารถยกเลิกได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้าตามที่ระบุไว้ในสัญญา และบริษัทจะคืนเงินค่าบริการที่ชำระไว้ล่วงหน้าตามสัดส่วนวันที่เหลือที่ไม่ได้รับบริการ แต่ต้องแจ้งเรื่องก่อนวันที่ 28 ก.พ. 2560 เช่นกัน

ทั้งนี้มาตรการข้อแรกที่เพิ่มช่องรายการ 7 ช่องใหม่เข้ามานั้น ต้องรอลุ้นว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ (กสท.) จะจัดประชุมวาระพิเศษ และออกใบอนุญาตให้เผยแพร่ 7 รายการใหม่ภายในวันที่ 1 ม.ค. 2560 หรือไม่

สรุป

ก็คงต้องถามใจตัวเองว่า มาตรการเหล่านี้ดึงดูดผู้ใช้บริการให้อยู่ในระบบได้หรือไม่ ที่สำคัญตอนนี้ยังไม่มีคำตอบว่า ถ้าคณะกรรมการกสท. ไม่สามารถอนุมัติช่องรายการใหม่ทั้ง 7 ช่องให้เผยแพร่ได้ทันเวลา ตัวช่องเดิมของเครือ HBO จะกลายเป็นช่องจอดำหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไป

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา