ไม่ขึ้นเงินเดือนให้ ก็ลดวันทำงานลง: 4 Day Work Week ตัวช่วยให้องค์กรน่าอยู่ขึ้น

4 Day Work Week หรือการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทรักษาพนักงานไว้ได้ ไม่ใช่แค่รักษาคนที่มีอยู่ แต่ยังดึงดูดคนใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มด้วย

เรื่องการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์นั้น หลายประเทศที่เป็นหัวก้าวหน้าเริ่มทำการวิจัยและทดลองให้พนักงานทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์มาได้ระยะหนึ่งแล้ว

4 Day Work Week

ผลการศึกษาก็พบว่า หลายประเทศที่ทดลองทำแล้วก็ไม่อยากให้พนักงานกลับไปทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์เหมือนเดิมอีก เพราะมันได้ผลบวกมากกว่า สร้าง Productivity ให้กับพนักงานกว่า งานมีประสิทธิภาพมากกว่า

และนี่คือเคสตัวอย่าง สำหรับองค์กรที่ไม่สามารถเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงานได้ การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์จึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญที่น่าสนใจ

กรณีศึกษาจาก Kristen และ Eric Rezabek กำลังรู้สึกกดดันกับชีวิต คนหนึ่งกำลังคิดเริ่มงานใหม่ที่ทำรายได้เพิ่มขึ้น แต่ต้องใช้เวลาเดินทางไปทำงานยาวนานถึง 4 ชั่วโมง

ขณะที่อีกคนทำงานอยู่แล้ว 2 แห่งและกำลังจะหางานประจำทำเพิ่มเพื่อให้มีรายได้ครอบคลุมค่าใช้จ่าย ซึ่งในที่สุดนายจ้างของพวกเขาก็ยื่นข้อเสนอว่าจะเพิ่มวันหยุดพิเศษให้ 1 วันต่อสัปดาห์ ส่วนจะเลือกหยุดวันไหนก็แล้วแต่พวกเขา

เนื่องจากนายจ้างไม่สามารถเพิ่มเงินเดือนให้พวกเขาได้ พวกเขาค่อนข้างพอใจกับข้อเสนอนี้ เพราะมันทำให้เขารู้สึกมีทางเลือกในชีวิตเพิ่มมากขึ้น

สำหรับเคสของคู่รักนี้ พวกเขาทำงานอยู่ที่เกาะ San Juan และได้สร้างเครือข่ายกลุ่มทำงานเล็กๆ ในเกาะขึ้น ทางสหภาพแรงงานได้พยายามเจรจาต่อรองเพื่อให้ขึ้นเงินเดือนกับพนักงาน แต่ทางเขตมีปัญหาทางการเงินและไม่สามารถเพิ่มเงินเดือนให้ได้ จึงทำความตกลงกันว่า ให้ทำงาน 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทำให้ยังสามารถรักษาพนักงานไว้ได้ ขณะเดียวกันพนักงานก็สามารถทำงานได้ในเวลาที่ยืดหยุ่นขึ้น

เรื่องนี้ ผู้จัดการเขตได้ให้ความเห็นไว้ว่า มันมีวิธีมากมายที่จะให้สิทธิประโยชน์ให้แก่พนักงานได้ ตราบใดที่เรายังเปิดกว้างในการหาทางแก้ปัญหา คุณอาจจะพบเห็นวิธีที่แตกต่างออกไป แต่มันเป็นหนทางที่จะช่วยรักษาพนักงานในองค์กรไว้ได้ แม้ว่าจะไม่ใช่วิธีที่จะขึ้นเงินเดือนตรงๆ ก็ตาม

นอกจากนี้ ทางเขต San Juan ยังได้เผยแพร่รายงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า ผลลัพธ์เชิงบวกจากการลดชั่วโมงทำงาน ลดวันทำงาน เพิ่มวันหยุดมากขึ้น ทำให้ช่วยรักษาพนักงานไว้ได้ ทำให้พนักงานมีความสุข และยังช่วยลดต้นทุนไปกว่า 975,000 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 33.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการต้องขึ้นค่าแรงตามที่สหภาพเรียกร้อง

ผลจากการทำงาน 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ยังดึงดูดคนใหม่ๆ เข้ามาทำงานเพิ่มขึ้นถึง 85.5% แถมตำแหน่งงานที่ว่างอยู่ ก็ถูกเพิ่มเข้ามาเร็วขึ้น 23.75% ขณะเดียวกัน มันยังช่วยรักษาพนักงานที่มีอยู่เดิมได้อีก

อัตราการลาออกหรือการเกษียณลดลง 48% แถมพนักงานยังเผยว่า พวกเขามี Work-life balance ที่ดีขึ้นมากถึง 84%

นอกจากนี้ ก็มีอีกเคสที่น่าสนใจ เช่น เคสของ Rezabeks เธอบอกว่า ภาระงานของเธอลดลง ทำให้เธอได้มีพื้นที่ทำสิ่งที่ตัวเองรักด้วย

ขณะที่เคสของคู่รักอย่าง Kristen และ Eric นั้น ด้าน Kristen ระบุว่า ที่ทำงานพิเศษที่โรงพยาบาลที่เธอทำอยู่ก็ให้เธอรับเงินเท่ากับทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน และทำงาน 40 ชั่วโมงเท่านั้น Kristen บอกว่า รู้สึกเครียดน้อยลง รู้สึก Burnout หรือหมดไฟน้อยลง แค่มีเวลาพักผ่อนเพิ่มขึ้นก็วิเศษมากแล้ว ส่วนสามีของเธอ Eric บอกว่า พวกเขามีเวลาเพิ่มขึ้น การมี Work-life balance ต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต

นอกจากนี้ เมื่อย้อนดูผลสำรวจจาก Gallup เมื่อปีที่ผ่านมาก็พบว่า การมีวันหยุดทำงานเพิ่มขึ้นเป็น 3 วันนั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง คนอเมริกันราว 77% รู้สึกว่า ทำงาน 4 วัน เป็นเวลา 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ น่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกและส่งผลดีต่อชีวิตพวกเขามากกว่า

ที่มา – CNN

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา