ปัญหาจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา และวิกฤต COVID-19 ยังไม่คลี่คลาย ทำให้ 3M ผู้ผลิตสินค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม ต้องปรับโครงสร้างธุรกิจ และล่าสุดคือการปลดพนักงานกว่า 2,900 คนเพื่อคุมต้นทุน
การปรับโครงสร้างธุรกิจที่สำคัญ
Mike Roman ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 3M เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมลดพนักงาน 3% จากทั้งหมดทั่วโลก คิดเป็นจำนวน 2,900 คน เพื่อเดินหน้าตามแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยการปลดพนักงานครั้งนี้จะมีผลกับพนักงานในทุกหน่วยธุรกิจ และเป็นการปลดพนักงานอีกครั้งหลังเคยปลดเมื่อเดือนม.ค. 2563 กว่า 1,500 คน
ทั้งนี้การปลดพนักงานครั้งนี้ของ 3M จะคิดเป็นค่าใช้จ่ายกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐก่อนหักภาษี นอกจากนี้ 3M ยังเตรียมทำตลาดในกลุ่มสินค้าที่มีอัตราเติบโตสูงมากขึ้น เช่นสินค้าเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เพราะก่อนหน้านี้บริษัทให้ความสำคัญกับการทำตลาดสินค้าที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างน้อย
“การเกิดขึ้นของ COVID-19 ทำให้โลก และทุกองค์กรต้องเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น เพราะมันทำลายธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ดังนั้น 3M ก็ต้องปรับตัวให้เร็วขึ้นด้วย เพื่อประคองธุรกิจให้รอดพ้นจากวิกฤตนี้ และนั่นคือเหตุของของการเร่งปรับโครงสร้างธุรกิจ”
ในทางกลับกัน 3M มีมูลค่าหุ้นตกลงอย่างต่อเนื่องในปี 2562 เหตุผลหลักมาจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา และเมื่อมีวิกฤต COVID-19 เข้ามาอีก ทำให้บริษัทต้องดิ้นรนอย่างหนัก และถึงปี 2563 มูลค่าหุ้นจะตกลงเพียง 2.5% แต่บริษัทก็ต้องเร่งปรับโครงสร้างองค์กร
สรุป
3M ต้องปรับตัวสุดๆ เพื่อผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ และการรุกตลาดสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด เพราะตลาดนี้เติบโตอย่างต่อเนื่องจากวิกฤต COVID-19 และ 3M ค่อนข้างเชี่ยวชาญในตลาดนี้ เช่นหน้ากาอนามัยประสิทธิภาพสูง ทั้งในปีงบประมาณล่าสุด ยอดขายกลุ่มสินค้าสุขภาพยังเติบโตมากกว่า 25% ด้วย
อ้างอิง // CNN
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา