เปิดเคล็ดลับ Morning Routine 30 นาทีหลังตื่น ปรับอารมณ์ พัฒนาตัวเอง รับมือกับวันใหม่

หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า อารมณ์ในตอนเช้าเป็นอย่างไร อารมณ์ในช่วงเวลาที่เหลือของแต่ละวันก็จะเป็นเช่นนั้น ดังนั้นการตื่นขึ้นมาโดยมีจิตใจแจ่มใส จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรับมือกับการทำงานที่เราต้องเจอ

ภาพจาก pixabay.com

Morning Routine หรือ กิจวัตรประจำวันที่ต้องทำยามเช้า จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ ในฐานะสิ่งที่จะกำหนดอารมณ์ของเราตลอดทั้งวัน ถ้าเราเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความรู้สึกดี เราก็จะพร้อมรับมือกับภาระงานที่ต้องเจออย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาหลายรายแนะนำว่า เราควรแบ่งเวลาเพื่อสร้าง Morning Routine ที่ดี โดยใช้เวลาเพียง 30 นาทีหลังตื่นนอน แทนที่จะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการอาบน้ำ แปรงฟัน และเตรียมตัวเดินทางไปทำงานในทันที โดยเราสามารถใช้เวลา 30 นาทีนี้ หลังจากทำกิจกรรมต่างๆ เช่น อาบน้ำ ออกกำลังกาย หรือทานอาหารเช้าก็ได้

ภาพจาก pixabay.com

5+5+5+5+10 สูตรการใช้เวลา 30 นาที เตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่

5 นาทีแรก ทันทีหลังตื่นนอน อย่าเพิ่งจับโทรศัพท์

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักตื่นนอนขึ้นมาด้วยเสียงจากแอปพลิเคชันนาฬิกาปลุกบนโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ที่วางไว้ที่โต๊ะข้างๆ เตียง ทำให้เมื่อตื่นนอน เรามักถูกดึงดูดให้อ่านข้อความ เช็คเมลที่ได้มาใหม่ รวมถึงเปิดเว็บไซต์ Social Network ต่างๆ เพื่อดูข่าวสารล่าสุดในตอนเช้า แม้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้เราสามารถสามารถทันสถานการณ์ได้ทันทีหลังตื่นนอน ซึ่งจำเป็นสำหรับบางอาชีพ

แต่ความจริงแล้ววินาทีแรกที่ตื่นนอน ไม่ควรมีสิ่งใดๆ มารบกวนสมองที่ยังปลอดโปร่งอยู่ ถ้ากลัวว่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเล่นโทรศัพท์ทันทีที่ตื่นนอนได้ ก็ให้ลองเปลี่ยนไปใช้นาฬิกาปลุกแบบดั้งเดิมจะดีกว่า นอกจากนี้เสียงของนาฬิกาปลุกก็สำคัญเช่นกัน ให้พยายามตั้งโทนเสียง เป็นเสียงที่สะท้อนสิ่งที่อยากเป็นในแต่ละวัน

5 นาที หายใจเข้าออกลึกๆ ตั้งสติให้ดี

หลังจากรู้สึกตัว และตื่นนอนขึ้นมาโดยไม่มีอะไรรบกวนจิตใจในช่วง 5 นาทีแรกแล้ว 5 นาทีถัดไป คือช่วงเวลาแห่งการฝึกจิตใจ ตั้งสติ นึกถึงสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

Dr. Nicole Bernard Washington นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เล่าว่า เธอจะแนะนำให้คนไข้ที่เข้ามารับคำปรึกษาด้านจิตวิทยาจากเธอทุกคน เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำสมาธิเป็นสิ่งแรก เพราะการทำสมาธิจะเป็นการช่วยให้เราตั้งสติ และเริ่มต้นวันใหม่ด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่ง

หรืออีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ คือ การเขียนคำสั้นๆ ที่มีความหมายในเชิงบวก ลงในกระดาษโน๊ตใบเล็กๆ ก็ได้ เพื่อสร้างอารมณ์ในเชิงบวก ทดแทนสถานการณ์ในชีวิตประจำวันที่บางครั้งเราต้องเจอแต่เรื่องในแง่ลบ เข้ามารบกวนจิตใจ

นอกจากนี้ยังมีวิธีการหายใจเข้าออกลึกๆ อย่างช้าๆ จะช่วยทำให้ร่างกายและจิตใจรู้สึกผ่อนคลาย เริ่มต้นวันใหม่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ โดยหายใจเข้าช้าๆ ผ่านทางจมูก เป็นเวลา 5 วินาที จากนั้นให้หายใจออกทางปาก ทำซ้ำหลายๆ ครั้ง

ภาพจาก Unsplash โดย Toa Heftiba

5 นาที จดบันทึก นั่งทำบนเตียงหลังตื่นนอน

จากที่ได้กล่าวไปในช่วง 4 นาทีแรกหลังตื่นนอน ไม่ควรจับโทรศัพท์มือถือเพื่อเช็คข่าวสาร แต่ควรใช้เวลาไปกับการตั้งสติ ผ่อนคลายร่างกาย ส่วน 5 นาทีถัดไป ให้ใช้เวลาไปกับการจดบันทึกเรื่องราวที่สร้างอารมณ์ในเชิงบวก เพราะนักวิจัยด้านสมองหลายๆ คน มีความเห็นว่า การจดบันทึกในขณะตื่นนอน เป็นอีกวิธีหนึ่งในการฝึกสมอง ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองส่วนที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ และภาษาศาสตร์ ซึ่งจะมีผลต่อการทำงานในวันนั้นๆ ทั้งวัน

การจดบันทึกเรื่องราวในเชิงบวกนี้ ทำได้ทั้ง จดบันทึกถึงความฝันของตัวเองที่อยากจะให้เกิดขึ้นจริง จะช่วยส่งเสริมจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ เชื่อมโยงความรู้สึกในความฝันสู่ความจริง ทำให้เราอารมณ์ดีตลอดทั้งวัน

ในทางตรงกันข้าม หากเราตื่นขึ้นมาแล้วเลือกที่จะจับโทรศัพท์มือถือเพื่อเช็คข่าวสารต่างๆ เป็นอย่างแรก จะทำให้เราขาดความคิดสร้างสรรค์ เพราะถูกปิดกั้นโดยข่าวสารที่ได้รับมาหลังตื่นนอน

ถ้าไม่ชอบเขียน ลองบันทึกเสียงแล้วเปิดฟัง

แต่ถ้าใครรู้สึกว่าการเขียนไม่ใช่ทางของตัวเองก็ไม่ต้องกังวล เพราะความจริงแล้ว ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ได้ผลเหมือนกัน โดยไม่ต้องใช้การเขียน นั่นคือการฟัง หลักการง่ายๆ เหมือนการเขียน นั่นคือ พยายามเลือกฟังในสิ่งที่เป็นบวก โดยอาจเริ่มจากการบันทึกเสียงของตัวเองไว้ในช่วงก่อนนอน แล้วนำมาเปิดฟังในช่วงเช้าก็ได้

5 นาที จดบันทึกงานที่ต้องทำในวันนั้น

เมื่อจิตใจของคุณมีความผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง พร้อมที่จะเริ่มต้นกิจกรรมในวันใหม่แล้ว สิ่งต่อไปที่ควรทำคือ ใช้เวลาอีก 5 นาที เพื่อจดบันทึกรายการกิจกรรมที่ต้องทำในวันนั้น โดยอาจทำเป็น To-do List หรือ รายการกิจกรรมที่เรียงลำดับตามความสำคัญของงานที่ต้องทำตามลำดับก่อน-หลังก็ได้

นักจิตวิทยาบางคน แนะนำว่า ไม่ควรจดบันทึกงานทุกๆ อย่างที่ต้องทำลงไปทั้งหมด เพราะจะทำให้เรามีรายการจำนวนมาก แต่ควรเลือกเฉพาะงานที่มีความสำคัญจริงๆ 5 อันดับแรกก็พอ และจะช่วยทำให้เรารู้สึกมีภาระงานที่ต้องทำมากเกินไปจนรู้สึกไม่ดี

เมื่อจดบันทึกเสร็จแล้ว ให้นำกระดาษใบนี้ขึ้นมาเช็ครายการที่จดบันทึกไว้บ่อยๆ ระหว่างวัน จะช่วยให้เรารู้สึกถึงการบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้

ภาพจาก pixabay.com

10 นาทีสุดท้าย ใช้เวลากับครอบครัว และสิ่งที่รัก

หลังจากที่ใช้เวลา 20 นาทีก่อนหน้าไปกับการเตรียมความพร้อมหลังตื่นนอน ตั้งแต่การทำให้จิตใจปลอดโปร่ง และเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมในระหว่างวัน สิ่งที่ควรทำในช่วงเวลา 14 นาทีสุดท้าย คือการใช้เวลาไปกับครอบครัว หรือสิ่งที่เรารัก เช่น ใช้เวลาไปกับลูกๆ ก่อนที่จะต้องแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง ในโรงเรียน และที่ทำงาน

หรือจะใช้เวลาไปกับสัตว์เลี้ยงก็ได้เช่นกัน เพราะการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยง จะช่วยเพิ่มความสุขในการใช้ชีวิตของเราอย่างมีนัยสำคัญ

ที่มา – cnbc

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา