งานเปลี่ยนไปหลังโควิด ธุรกิจ คนทำงาน ต้องจับตา
งาน กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปหลังจากช่วงโควิด-19 อย่างมาก งานบางตำแหน่งมีโอกาสน้อยลง งานบางตำแหน่งก็มาแรงขึ้น ยังไม่รวมไปถึงรูปแบบการจ้างงาน และวิถีการทำงานที่เปลี่ยนไป
McKinsey & Company บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารทั่วโลกจากหลากหลายธุรกิจกว่า 800 คน เพื่อหาคำตอบว่างานสายใดที่จะได้รับการว่าจ้างเพิ่มขึ้นหลังวิกฤติโควิด-19
งานด้านสุขอนามัย เทคโนโลยี และดิจิตอล จะเพิ่มขึ้น
งานด้านความสะอาดและสุขอนามัย จะเป็นที่ต้องการมากขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับที่ทำงาน เพราะการระบาดของโควิด-19 ทำให้เราได้เข้าใจความน่ากลัวของโรคระบาด ซึ่งแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วหากขาดการจัดการเกี่ยวกับสุขอนามัยที่ดี
โดยรายงานของ McKinsey & Company ระบุว่าผู้บริหาร 83% ต้องการที่จะจ้างงานที่เกี่ยวกับความสะอาดเพิ่ม
งานด้านเทคโนโลยีและระบบอัจฉริยะ เป็นอีกหนึ่งงานที่เป็นที่ต้องการมากขึ้น เพราะการปรับตัวสู่เทคโนโลยีที่ถูกเร่งด้วยวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้อุปสงค์ในสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีปรับตัวสูงขึ้น
McKinsey & Company รายงานว่าผู้บริหาร 68% สนใจที่จะจ้างงานในสายนี้เพิ่มเติมหลังช่วงโควิด-19
งานฟรีแลนซ์ สัญญาจ้าง และงานชั่วคราว เป็นที่ต้องการ
งานที่มีความยืดหยุ่นอย่างงานฟรีแลนซ์ งานสัญญาจ้าง และงานชั่วคราว กลายเป็นทางเลือกของผู้ประกอบการมากขึ้น เพื่อสร้างความยืดหยุ่นต่อความเปลี่ยนแปลง (เช่น โควิด-19) ที่เรียกร้องให้เกิดการปรับโครงสร้างบริษัท
โดย 70% ของผู้บริหารกล่าวว่า พวกเขาต้องการจ้างพนักงานสัญญาจ้าง พนักชั่วคราว ที่ทำงานในออฟฟิศมากขึ้นในช่วงสองปีข้างหน้า และมีเพียง 20% ที่ต้องการจ้างพนักงานชั่วคราวในการทำงานแบบทางไกล เพราะพนักงานประจำสามารถทำงานดังกล่าวได้
งาน ในอนาคตต้องทำจากที่บ้าน
ความสามารถในการทำงานทางไกลของบริษัทต่างๆ เพิ่มขึ้นเท่าตัวในช่วงโควิด-19 โดย McKinsey & Company รายงานว่า ก่อนช่วงการระบาด บริษัทต่างๆ 8% สามารถให้พนักงานทำงานทางไกลได้อย่างน้อย 2 วัน ต่อสัปดาห์ แต่หลังจากเกิดการระบาดพบว่ามีบริษัทถึง 15% ที่สามารถทำงานทางไกลได้
วิถีการทำงานที่เปลี่ยนไปในช่วงโควิด-19 ทำให้บริษัทเคยชินกับการทำงานทางไกลมากขึ้น และค้นพบข้อดีของการทำงานทางไกลที่เป็นประโยชน์ต่อประสิทธิภาพในการทำงาน บริษัทต่างๆ ต้องการจ้างงานที่มีส่วนผสมระหว่างการทำงานที่ออฟฟิศและการทำงานจากที่บ้านมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่า ธุรกิจแต่ละประเภทก็สามารถตอบสนองต่อการทำงานทางไกลได้แตกต่างกันออกไปตามเนื้องาน แต่โดยภาพรวมถือว่าแต่ละธุรกิจต้องการทำงานทางไกลมากขึ้น ดังนี้
- IT: พึงพอใจการทำงานทางไกล 22% ก่อนโควิด และ 38% หลังโควิด
- การเงิน: พึงพอใจการทำงานทางไกล 11% ก่อนโควิด และ 24% หลังโควิด
- บริการด้านสุขภาพ: พึงพอใจการทำงานทางไกล 2% ก่อนโควิด และ 4% หลังโควิด
เราสามารถเห็นตัวอย่างได้จาก Google ที่เริ่มปรับตัวหันไปทำงานแบบไฮบริด ไม่ต้องเข้าไปทำงานทุกวัน แต่ให้พนักงานเลือกวันเข้าออฟฟิศตามความเหมาะสมเมื่อมีกิจกรรมหรือมีโปรเจ็กต์ร่วมกันเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นการปรับตัวไปตามเทรนด์แห่งอนาคตอย่างแท้จริง
ที่มา – CNBC, McKinsey & Company
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา