เหตุผลที่ มาสด้า ประกาศ ยึดอันดับ 3 แบบถาวร คนชอบมาสด้าต้องรู้

????????????????????????????????????

สิ่งที่ทำให้ Mazda (มาสด้า) ประกาศว่ามียอดขายเป็นอันดับ 3 ในตลาดแบบถาวรได้สำเร็จ มาจากแบรนด์มาสด้าที่แข็งแกร่ง มีลูกค้าแฟนคลับที่ชื่นชอบ ยิ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยี SkyActiv มีโมเดลดีๆ ภายใต้ 6th Generation Products อย่าง มาสด้า2, มาสด้า3, มาสด้า CX3 และ CX5 รวมถึงการยกระดับตัวเองเป็น แบรนด์พรีเมียม ด้วยการสื่อสารที่เน้นเรื่อง Emotional ผ่านแคมเปญ Feel the Drive ทำให้วันนี้แม้จะห่างจากอันดับ 1 และ 2 อย่าง ฮอนด้า และ โตโยต้า อยู่มาก แต่อันดับ 4 ก็ห่างจาก มาสด้า อยู่ไม่น้อยเช่นกัน

ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) และธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ได้แถลงถึงทิศทางของมาสด้า ซึ่งมีหลายส่วนที่น่าสนใจ เริ่มด้วยแผนการตลาด Sport Marketing ที่จะสร้างความใกล้ชิดให้กับแบรนด์มาสด้า เพื่อเป็น Brand Love กับผู้บริโภค เช่น การสนับสนุนทีมฟุตบอล นครราชสีมา มาสด้า FC เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน การทำทีมแข่งไทยแลนด์ ซูเปอร์ ซีรีส์ ในชื่อ Mazda Innovation Motorsport ใช้รถเครื่องยนต์ Clean Diesel เป็นคันแรก

mazda3

SUV คือ Global Trend ที่กำลังมาแรง

มาสด้า ให้ข้อมูลว่าการขับรถอเนกประสงค์ หรือ SUV เป็นเทรนด์ที่มาแรงมากในอเมริกาและยุโรป ซึ่งในไทยก็เห็นแนวโน้มนี้เกิดขึ้นเช่นกัน จากยอดขายรถ SUV ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะตอบสนองการใช้งานได้ดี รวมถึงการเปิดตัว SUV ขนาดเล็กจากหลายค่าย ซึ่งมาสด้าเอง มองว่า CX3 และ CX5 เพียงพอที่จะตอบความต้องการของผู้บริโภคแล้ว แต่ในรถ Generation ถัดไป มาสด้า ก็มีแผนที่จะพัฒนา SUV ในขนาดเล็กเช่นกัน และไทยยังเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกในอนาคตด้วย

แต่สำหรับรถ PPV ทางมาสด้าไม่มีแผนที่จะผลิต เพราะมาสด้า จะเน้นผลิตรถที่เป็น Global Platform เท่านั้น เพื่อให้รถมาสด้า มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก (ขณะที่ Ford มี Everest เป็น PPV ซึ่งผลิตจากโรงงานเดียวกัน)

หากดูโรงงาน AAT (AutoAlliance Thailand) ที่ระยอง ที่มาสด้าร่วมกับ Ford (ฟอร์ด) แบ่งกำลังการผลิตคนละครึ่ง โดยผลิตเต็มพิกัด 270,000 คันต่อปี แบ่งเป็น มาสด้า 135,000 คัน มาสด้าแบ่งสัดส่วนเป็น รถยนต์นั่ง 95,000 คัน (รวมรถนั่งและSUV) และ รถกระบะ 40,000 คัน ซึ่งทั้งหมดขายในไทยและส่งออกอย่างละครึ่ง

จับมือ ISUZU เพื่อขยายกำลังการผลิตในอนาคต

ก่อนหน้านี้ มาสด้า ได้ประกาศจับมือกับ ISUZU (อีซูซุ) ซึ่งความร่วมมือจะเกิดขึ้นในปี 2561 ย้ายการผลิตรถกระบะไปที่โรงงานของอีซูซุ แต่ยังไม่มีความชัดเจนในเวลานี้ว่า จะแบ่งการชิ้นส่วนหรือขั้นตอนการผลิตอย่างไร แต่สิ่งที่แน่นอนคือ กำลังการผลิตที่โรงงาน AAT ระยองทั้ง 135,000 คัน จะผลิตรถยนต์นั่งทั้งหมด (เพราะตอนนี้ผลิตไม่ทันขายแล้ว)

ทำให้เห็นทิศทางของมาสด้าชัดเจนจากนี้อีก 3 ปี ที่จะมุ่งผลิตรถยนต์นั่ง ด้วยเทคโนโลยี SkyActiv เป็นหลัก ขณะที่ตลาดรถกระบะ ยังคงมีอยู่แน่นอน แต่จะเป็นรถกระบะทางเลือกสำหรับแฟนคลับของมาสด้าเป็นหลัก

KKK_2464

ยกระดับศูนย์บริการ ตอบความต้องการผู้ใช้มาสด้า

ผู้ใช้มาสด้าสบายใจขึ้นได้ เพราะนอกจากยอดขายจะเติบโตขึ้นอย่างดี มาสด้า ได้ลงทุนเพื่อขยายศูนย์บริการและปรับปรุงภาพลักษณ์ใหม่ ให้สอดคล้องกับการยกระดับเป็นพรีเมียมแบรนด์ด้วยโดยก่อนหน้านี้ตั้งศูนย์กระจายอะไหล่ ทำให้สามารถจัดส่งอะไหล่ได้อย่างรวดเร็ว ในกทม. 24 ชั่วโมง ต่างจังหวัด 48 ชั่วโมง ลดต้นทุนการขนส่ง ลดเวลาขนส่ง และทำให้บริการได้เร็วขึ้น

อีกทั้งมีการปรับมาตรฐานค่าแรงในศูนย์บริการมาสด้าทุกแห่งทั่วประเทศให้เป็นราคาเดียวกัน ดังนั้น ผู้ใช้ไม่ว่าจะเข้าใช้บริการที่ศูนย์ไหน จะได้ค่าบริการที่เป็นมาตรฐานเหมือนกันทั้งหมด ขณะที่การขยายศูนย์บริการและโชว์รูม จะเพิ่มเป็น 150 แห่ง จาก 145 แห่งในปีนี้ โดยใน กทม. ซึ่งมีเป็นตลาดหลัก มีศูนย์อยู่ 35 แห่ง จะเพิ่มเป็น 40 แห่ง

KKK_2494

ตลาดรวมหด แต่ 6 เดือนมาสด้าสวนกระแสโต 26%

ยอดขาย 6 เดือนแรกของมาสด้า เติบโตขึ้น 26% ทำให้ มาสด้า ประกาศว่า ขอยึดส่วนแบ่งตลาดอันดับ 3 แบบถาวร โดยมียอดขาย 21,160 คัน และมีส่วนแบ่งตลาด 5.7% สูงที่สุดนับตั้งแต่เข้ามาทำธุรกิจในไทย และตั้งเป้าปีนี้จะมียอดขายรวม 42,000 คัน (ปรับจากเป้าเมื่อต้นปี 44,000 คันตามการหดตัวของตลาดรวม)

โดยยอดขายของมาสด้า แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 13,500 คัน เติบโต 23% มีส่วนแบ่งตลาด 13% เป็นอันดับ 3 ในตลาดรถยนต์นั่ง มีหัวหอกสำคัญคือ มาสด้า 2 ที่เข้าโครงการ Eco Car เฟส 2 เป็นคันแรก ตามด้วยรถอเนกประสงค์ หรือ SUV ยอดขาย 4,512 คัน เติบโต 160% มีส่วนแบ่งตลาด 8% (รวม PPV) และ 18.6% (ไม่รวมPPV) โดยใช้ CX3 และ CX5 มาตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ และสุดท้าย รถกระบะ 3,148 คัน ลดลง 24% ตั้งเป้าถึงสิ้นปี 7,000 คัน ซึ่งต้องบอกว่า กระบะมาสด้า เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ชื่นชอบ ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของผู้บริโภค

 mazda1

ตลาดรวมครึ่งปีแรกดีขึ้นชะลอ ครึ่งปีหลังดีขึ้นเล็กน้อย

ในการแถลงข่าว มาสด้า ได้เปิดตัวเลขตลาดรวมรถยนต์ของไทย ครึ่งปีแรกถือว่าชะลอตัว โดยมียอดขายรถยนต์ 370,000 คัน โดยมีผลกระทบมาจากไตรมาสแรก ที่กำลังซื้อโดยดึงไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จากความกังวลเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิตใหม่ที่มีผลให้ราคารถยนต์สูงขึ้น ซึ่งค่ายรถทุกค่ายต่างพูดถึงปัจจัยนี้เหมือนกัน

แต่ในครึ่งปีหลัง เชื่อว่ามีปัจจัยบวกมาเสริม เช่น การบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งจากจากรายได้เกษตรกรดีขึ้น จากราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น สถานการณ์ภัยแล้งคลี่คลาย, ยอดขายรถในเดือน พ.ค.-มิ.ย. สูงขึ้นเทียบกับปีที่แล้ว, คาดการณ์ภาคการท่องเที่ยวโต 7.8% และครบกำหนด 5 ปี รถคันแรกประมาณเดือน ก.ย. ที่น่าจะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนมือรถ (แต่ราคารถมือ ECO Car มือสองน่าจะกระทบเต็มๆ) โดยคาดว่าครึ่งปีหลังตลาดรวมจะมียอดขาย 410,000 คัน

สรุปทั้งปี 780,000 คัน ก็ยังต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เล็กน้อย (และทำให้มาสด้าต้องปรับเป้าในปีนี้ลงตามตลาดเหลือ 42,000 คัน จากเดิม 44,000 คัน)

mazda2

ปิดท้ายด้วยการให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้า EV

กรณีของรถยนต์ไฟฟ้า (Electronic Vehicle: EV) มาสด้า ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ส่งสัญญาณชัดเจนว่า สนใจในเรื่องนี้ เพราะที่ญี่ปุ่นมีการวิจัยพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอยู่แล้ว แต่ต้องรอดูนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาลทั้งในระยะสั้นและระยะยาวด้วย เช่น เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน หัวจ่ายไฟฟ้า รายละเอียดทางภาษี

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา