เวลาพูดถึงการส่งออกที่เป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจหลัก ๆ ของไทยทีไร เราก็มักจะเจอแต่จุดทศนิยมแสนวุ่นวาย และตัวเลขหลักแสนล้าน อ่านกี่ครั้งก็ไม่เห็นภาพชัด ๆ สักทีว่า สินค้าแต่ละชนิดมีความสำคัญยังไง
วันนี้เราจะทำทุกอย่างให้ง่ายขึ้น ลองสมมติกันว่า ถ้าไทยส่งออกได้เงินกลม ๆ 100 บาท สินค้าแต่ละชนิดจะขายได้กี่บาท
เราจะได้ย้อนกลับไปทำความเข้าใจเรื่องการส่งออกกันแบบชัด ๆ อีกครั้งว่า เอาเข้าจริงแล้ว สินค้าชนิดไหนบ้างที่มีความสำคัญต่อไทย ถ้าพร้อมแล้วเราลองไปดูกันเลย
Top 10 สินค้าส่งออกไทย
หากประเทศไทยส่งออกได้ 100 บาท สินค้าเหล่านี้จะทำเงินได้ดังนี้
1. อุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ 10 บาท
2. อุปกรณ์และส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ 7 บาท
3. แผงวงจรไฟฟ้า 3 บาท
4. เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 2 บาท
5. ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป 2 บาท
6. ผลไม้ (ทั้งแบบสด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง) 2 บาท
7. อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องโทรสารและโทรศัพท์ 2 บาท
8. ยางพารา 2 บาท
9. เคมีภัณฑ์อินทรีย์ 2 บาท
10. เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ 2 บาท
ส่วนสินค้าอื่น ๆ อีกหลายร้อยรายการ สร้างรายได้ให้กับประเทศรวมกัน 63 บาท
ทีนี้ลองมาดูตัวเลขจริงในปี 2565 ประเทศไทยสามารถส่งออกได้ 9.96 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 60% ของรายได้จากทุกช่องทาง ส่วนรายได้จากการส่งออกจริง ๆ ของสินค้าแต่ละชนิดผู้อ่านสามารถลองดูในคอมเมนต์ได้เลย
คำถามต่อมาคือ แล้วสินค้าที่คนไทยคิดว่าเป็นจุดเด่นของเราอย่าง “ข้าว” ทำเงินให้เราได้กี่บาท ตัวเลขก็คือ 1 บาทกว่า ๆ (เอาเป๊ะ ๆ คือ 1 บาท 40 สตางค์) จากรายได้ส่งออกทุก 100 บาท โดยในที่นี้นับรวมข้าวทุกชนิดที่เราขายให้ต่างประเทศ ไม่ได้นับแค่ข้าวหอมมะลิอย่างเดียว
ถามว่าตัวเลขนี้มากหรือน้อยแค่ไหน ก็ต้องบอกว่าสูงกว่าการส่งออกอาหารทะเลกระป๋อง (ที่สร้างรายได้เกือบ ๆ 1 บาท) ประมาณนึง
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือ “ทุเรียนสด” เพราะปีที่ผ่านมา ผลไม้ทุกชนิด (ทั้งแบบสด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง) สร้างรายได้ให้เราได้ 2 บาท โดย ‘ทุเรียนสดแค่อย่างเดียว’ ก็สร้างรายได้ไปมากกว่า 1 บาทแล้ว พูดง่าย ๆ คือ ทุเรียนสดสร้างรายได้จากการส่งออก มากกว่าผลไม้อื่น ๆ รวมกันทั้งหมด
อ้างอิง – ข้อมูลการส่งออกสินค้าของไทยปี 2565 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา