แม้จีนจะร่ำรวยขึ้นเพียงใด แต่ทำไมเศรษฐีจีนจำนวนหนึ่งถึงไม่อยากอาศัยอยู่ในประเทศตัวเอง มีผลการศึกษา พบว่า เศรษฐีจีนจำนวน 1 ใน 3 ต้องการย้ายออกไปตั้งถิ่นฐานในต่างประเทศ ที่ยอดนิยมคือ สหรัฐอเมริกา
มีรายงานจาก Hurun สถาบันวิจัยด้านความมั่งคั่งของจีน ทำการศึกษาเศรษฐีจีนที่มีความร่ำรวยเฉลี่ยที่ประมาณ 4.5 ล้านดอลลาร์ (150 ล้านบาท) จำนวน 224 คน พบว่า เศรษฐจีนในกลุ่มนี้ถึง 1 ใน 3 ต้องการย้ายออกไปตั้งถิ่นฐานในประเทศอื่น โดยเฉพาะฝั่งตะวันตก
- คำถามคือ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
งานวิจัย ระบุว่า ปัญหาใหญ่ที่ทำให้เศรษฐีจีนต้องการย้ายออกจากประเทศ คือความต้องการระบบการศึกษาและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า นอกจากนั้นยังรวมไปถึงความเข้มงวดของรัฐบาลจีนที่ควบคุมชีวิตของประชาชนผ่านระบอบการเมืองแบบเผด็จการอีกด้วย
ประเทศที่ถือว่าเป็นจุดหมายสำคัญของเศรษฐีชาวที่ต้องย้ายออกไปตั้งถิ่นฐาน ไล่เรียงจากอันดับแรกคือ สหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยอังกฤษ ไอร์แลนด์ และแคนาดา
“ระบบการศึกษาที่ดีของสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักลงทุนจีนชื่นชอบสหรัฐอเมริกา” ในรายงาน ระบุ
การย้ายไปตั้งรกรากในต่างประเทศของเศรษฐีชาวจีน ดูได้จากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศนั้นๆ โดยในรายงาน บอกว่า เศรษฐีจีนต้องจ่ายเงินโดยเฉลี่ยถึง 800,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 26 ล้านบาทเพื่อครอบครอง
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีแต่คนจีนเท่านั้นที่ย้ายไปสหรัฐอเมริกา ในช่วง 2-3 ปีมานี้ เราได้เห็นคนไอทีจีนบินกลับมาทำงานในจีนถึงหลักหลายแสนคน เพราะจีนในปัจจุบันพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว รวมถึง ecosystem ในการทำธุรกิจสตาร์ทอัพก็พร้อมและครบครัน
ถึงกับมีคำให้สัมภาษณ์ของคนไอทีจีนที่ย้ายกลับมาบ้านเกิด บอกไว้ว่า “ทำงานใน Silicon Valley ก็เป็นได้แค่ฟันเฟืองในระบบ ไม่มีวันได้เห็นภาพใหญ่หรอก สู้กลับมาจีน แล้วทำธุรกิจเอง ต่อให้ต้องตายเพราะมลพิษ หรือมีชีวิตสั้นลงอีกสัก 10 ปี ก็ยังดีกว่า”
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา